เด็ก ภท.ร่วมจับผิด ‘พิธา’ ชี้ยังถือหุ้น ITV อยู่ โล่งไม่ได้เป็น ส.ส.อนาคตใหม่ ซ้ำรอยธนาธรแน่

วันที่ 10 พฤษภาคม 2566 - 10:07 น.

เด็ก ภท.ร่วมวงแฉ ‘พิธา’ ชี้ยังถือหุ้น ITV อยู่ ไม่ใช่ในนามผู้จัดการมรดก ยกเคสตัวเองเปรียบเทียบ

จากกรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อ้างว่าได้ตรวจสอบข้อมูลพบว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ถือหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น จึงต้องการให้ กกต.ตรวจสอบ เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) บัญญัติว่าห้ามมิให้บุคคลที่เป็นเจ้าของ หรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนใดๆ ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. โดยจะเข้ายื่นหนังสือที่ กกต.วันที่ 10 พฤษภาคม

ด้าน นายพิธา ยืนยันว่า ไม่กังวลเพราะไม่ใช่หุ้นของตน แต่เป็นของกองมรดก ตนมีฐานะเป็นผู้จัดการมรดกเท่านั้น นอกจากนี้ ได้แจ้งต่อ ป.ป.ช.ไปนานแล้วเช่นกัน

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม นายนิกม์ แสงศิรินาวิน ผู้สมัคร กทม.เขต 17 คลองสามวา พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ที่นายพิธาชี้แจงเรื่องหุ้น ITV ว่าเป็นเพียงผู้จัดการมรดกจะพบว่าในเอกสาร นายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ เสียชีวิตปี 2549 (พิธีศพระหว่างวันที่ 18-24 กันยายน 2549) มีทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก 3 คน คือ นางลิลฎา ลิ้มเจริญรัตน์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์

นายนิกม์กล่าวว่า นายพิธาอ้างว่าเป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งตามกฎหมายทายาทเป็นผู้มีสิทธิได้รับมรดกจากผู้เสียชีวิต ดังนั้น หุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น จะต้องตกเป็นของทายาทในสัดส่วนเท่าๆ กัน ย่อมหมายความว่านายพิธายังคงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 14,000 หุ้น

“ผมขอตั้งข้อสังเกตว่านายพิธาจะอ้างว่ามิใช่เจ้าของหุ้นไม่ได้ เพราะไม่ปรากฏหลักฐานว่านายพิธาได้สละมรดกแต่อย่างใด อีกทั้งการสละมรดกจำต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรยื่นต่อเจ้าพนักงาน หรือสัญญาประนีประนอม และในประการสำคัญหากนายพิธาสละมรดกจริงย่อมไม่มีสิทธิยื่นคำร้องเป็นผู้จัดการมรดกได้ ที่สำคัญถ้าหุ้นนี้เป็นของกองมรดกก็ต้องระบุใน บอจ.5 ว่าผู้ถือหุ้นคือนายพิธาในฐานะผู้จัดการมรดก” นายนิกม์ระบุ

นายนิกม์กล่าวด้วยว่า กรณีของตนก็ได้รับมรดกเป็นหุ้นของ ITV เช่นเดียวกัน และตั้งแต่กรณีเรื่องหุ้นสื่อของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือ เอก เกิดขึ้นก็ระมัดระวังตัว การลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ได้ติดต่อโบรกเกอร์ ติดต่อTSD เสียค่าธรรมเนียม ออกใบหุ้นเพื่อโอนออกจากตัวเองไปแล้ว

“เมื่อก่อนผมอยู่พรรคอนาคตใหม่ เคยนำเรื่องหุ้น ITV ไปปรึกษาทีมกฎหมายของพรรค เขาบอกว่าไม่เป็นอะไร ไม่ต้องไปทำอะไร ดีนะคราวนั้นผมได้ที่ 2 ไม่ได้เป็น ส.ส. ถ้าได้เป็นคงโดนแบบพี่เอกถูกตัดสิทธิทางการเมือง ในครั้งนี้ผมย้ายมาอยู่พรรคภูมิใจไทย เพราะเรื่องที่จะมีการแก้ไข หรือยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งผมไม่เอาด้วย และผมเชื่อมั่นในตัวหมอหนู นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในเรื่องสาธารณสุข ที่ผมเคยร่วมงานมูลนิธิ ด้วย เชื่อมั่นว่าเป็นพรรคที่พูดแล้วทำ เขาแนะนำให้จัดการเรื่องหุ้น ITV ให้เรียบร้อย” นายนิกม์กล่าว