ยังไม่ทันที่กรณี“วัดพระธรรมกาย”จะเคลียร์ กรณีร่างพรบ.”คอมพิวเตอร์”ก็กลายเป็นประเด็น
กรณี”วัดพระธรรมกาย” คล้ายกับเป็น”อะนาล็อก”
เพราะว่าอยู่ในพื้นที่ทางด้าน “ศาสนา” พื้นที่ความคิดและความเชื่อเป็นหลัก
แม้จะมีการส่ง”โดรน”ขึ้น”ปฏิบัติการ”
แต่พลันที่ “โดรน”เดี้ยงหล่นจากอากาศภายใน 5 นาทีก็เคว้งคว้างลงมากระทบศีรษะ
หัวร้าง ข้างแตก ในแบบ”บ้าน-บ้าน”
ขณะที่กรณีร่างพ.ร.บ.”คอมพิวเตอร์”แนบแน่นอย่างยิ่งกับยุคไทยแลนด์ 4.0
เป็นเรื่องของ”ดีจิตัล” มิใช่”อะนาล็อก”
ยิ่งกลุ่ม “แฮ็กเกอร์”ระดับโลกประกาศตนเป็น”แนวร่วม”กับนักเคลื่อนไหวในพื้นที่
ยิ่งฉายภาพแห่ง “ดิจิตัล” เด่นชัดในระดับ”ดับเบิล”
”อะนาล็อก” กับ”ดิจิตัล”มาประสานกันได้อย่างไร
ต้องขอบคุณความพยายามของ “รัฐบาล” ในการผลักดันร่างพรบ.”คอมพิวเตอร์”ออกมา
เพราะ 1 ทำให้ตระหนักใน”เจตนา”
ขณะเดียวกัน 1 ซึ่งสำคัญ โดยกระบวนการในการผลักดันทำให้เห็นและเข้าใจใน”ความเป็นจริง”
จะดู “รัฐบาล” ก็ต้องดูจาก “กฎหมาย”
และยิ่งศึกษากระบวนการ “ผ่าน” กฎหมายโดย “สภานิติบัญ ญัติแห่งชาติ” หรือ “สนช.”ยิ่งทำให้เข้าใจ
เข้าใจใน”ความเป็นจริง”ของ”รัฐบาล”
การเปรียบเทียบระหว่าง 167 เสียงในสนช. กับ 360,000 ลายเซ็นมีความแจ่มชัด
แจ่มชัดใน”ปฏิรูป”ก่อน”เลือกตั้ง”
การปะทะกันระหว่างลักษณะ “อะนาล็อก” กับ “ดิจิตัล” จึงสัมผัสได้จาก 2 ปรากฎการณ์
1 ปรากฏการณ์แห่ง “วัดพระธรรมกาย”
และ 1 ปรากฏการณ์แห่งร่างพรบ.”คอมพิวเตอร์”ซึ่งรอการประกาศและบังคับใช้
ใครเป็น “อะนาล็อก” ใครเป็น “ดิจิตัล”
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ตอบได้ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ตอบได้
เป็นคำตอบบนพื้นฐานแห่ง”ไทยแลนด์ 4.0″
เป็นคำตอบย้อนแย้งไปยัง 1 รัฐประหารเดือนกันยายน 2549 และ 1 ย้อนแย้งไปยังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557
ว่าอะไรคือความหมายสุดคลาสสิกทางเศรษฐกิจ การเมือง
”ปฏิรูป”ก่อนเลือกตั้งเป็น”อะนาล็อก” หรือ”ดิจิตัล”
ตกลงใครเป็น “อะนาล็อก” ตกลงใครเป็น “ดิจิตัล” กันแน่ในท่ามกลางความขัดแย้ง
ทาง”เทคโนโลยี” ทาง”การเมือง”