คนรุ่นใหม่ ดักคอพรรค ‘กลับลำ’ หาเสียงพูดอย่าง จบเลือกตั้งมาอีกแนว หวังความเห็นต่างอยู่ร่วมได้

คนรุ่นใหม่ ดักคอพรรค ‘กลับลำ’ หาเสียงพูดอย่าง จบเลือกตั้งมาอีกแนว หวังความเห็นต่างอยู่ร่วมได้

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 40-44 เขตเลือกตั้งที่ 8 กรุงเทพมหานคร ณ อาคารจอดรถศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2566

บรรยากาศในช่วงบ่าย ตั้งแต่เวลา 13.00 น. ประชาชนทยอยเดินทางมาใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

นางสาวอนิกา ภิญโญทรัพย์ อายุ 21 ปี เผยว่าตั้งแต่มีสิทธิเลือกตั้งก็เดินทางมาใช้สิทธิทุกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ตื่นเต้นมาก เพราะเป็นการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีครั้งแรกของตน ซึ่งก่อนหน้านี้ผ่านการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. มาก่อน

Advertisement

“มีความสุขมาก ที่สุดท้ายแล้วก็มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น เนื่องจากมีความคาดหวังมากว่าจะประเทศจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีจากการเลือกตั้งครั้งนี้ อยากเห็นประเทศพัฒนา และเจริญขึ้น คาดหวังเดียวคือ ทำอย่างไรก็ได้ หากประเทศจะดีขึ้น ขอเพียงแค่นั้น หากผู้นำดี ประเทศก็จะดี” นางสาวอนิกาเผย

ด้าน นายธีรพงศ์ ศิริวนิชสุนทร อายุ 26 ปี เผยว่าอยากให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีความโปร่งใส ซึ่งผลคะแนนต้องมาจากเสียงของประชาชนจริงๆ มิใช่คะแนนจากการโกง พร้อมกันนั้นยังเผยต่อว่าต้องการรัฐสวัสดิการที่ทั่วถึง ไม่ใช่มอบให้กับคนเพียงกลุ่มเดียว และหลงลืมคนกลุ่มอื่นที่ซึ่งเป็นพลเมืองของประเทศเช่นกัน

ด้าน นายกนกพล เตชะรัตนประเสริฐ อายุ 29 ปี พนักงานบริษัทแห่งหนึ่งระบุว่าตนรู้สึกดีที่เห็นประชาชนมีความกระตือรือร้น ในฐานะที่มาใช้สิทธิเลือกตั้งทุกครั้งนายกนกพลระบุว่า เมื่อเทียบกับปี 2562 ปีนี้คึกคักกว่าเดิมมาก

Advertisement

“รู้สึกดีที่ประชาชนมีความกระคือรือร้นในการเลือกตั้ง ปีนี้มีความกระตือรือร้นมากกว่าเมื่อเทียบกับปี 62 กระแสในโซเชียลก็ด้วย” นายกนกพลกล่าว

นายกนกพลเผยถึงความคาดหวังในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า ตนคาดหวังให้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นข่าวดีกับประเทศ เนื่องจากปีนี้เป็นปีที่ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันเป็นจำนวนมาก เพราะอยู่กับสิ่งเดิมๆ มาถึง 8 ปี ซึ่งการออกมาใช้สิทธิบ่งบอกถึงความคาดหวังของประชาชนเป็นอย่างดี

นายกนกพลเผยต่อว่า อยากให้รัฐบาลใหม่ใส่ใจเรื่องนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ ซึ่งหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง ตนมักพบว่าพรรคการเมืองส่วนใหญ่มักละเลยสิ่งที่เคยพูด หรือการกระทำเปลี่ยนไปจากช่วงหาเสียง

“ตอนหาเสียงก็อีกแบบหนึ่ง พอเป็นรัฐบาลก็อีกแบบหนึ่ง ครั้งที่แล้วก็มีหลายพรรคกลับคำ” นายกนกพลกล่าว

เมื่อถามถึงเรื่องที่อยากให้แก้ไข นายกนกพลระบุว่าเรื่องที่เร่งด่วนคือ เศรษฐกิจ และโอกาสในการประกอบอาชีพสำหรับผู้ที่มีโอกาสน้อย แต่ก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง เนื่องจากมีปัญหาอีกหลายอย่างที่ต้องเร่งแก้ไข

“ถ้าหากแก้พร้อมกันได้ก็ดี ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางโครงสร้าง เศรษฐกิจ หรือสิ่งแวดล้อม แต่สำคัญที่สุดคงจะเป็นเศรษฐกิจก่อน” นายกนกพลกล่าว

ทั้งนี้ นายกนกพลระบุว่า คนรอบข้างมีการตื่นรู้ทางการเมืองมากขึ้นจากปีก่อนๆ ซึ่งได้มีการหารือ และพูดคุยกัน ตนจึงมีความเชื่อว่าหากทุกคนพูดคุยกันด้วยเหตุผล ถึงแม้ความเห็นจะแตกต่างก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข เพียงแค่รับฟังกันและกัน

“ความเห็นแตกต่างกันก็อยู่ร่วมกันได้ บางครั้งยังได้มุมมองใหม่ๆ จากเขาเหล่านี้ด้วย” นายกนกพลทิ้งท้าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image