‘ธำรงศักดิ์’ ฟันธง คนใต้จ่อหลุดกรอบ ปชป. ความนิยมพรรคลดฮวบ แต่เขตเลือกตั้งยังสัมพันธ์ตัวบุคคลอยู่
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม รศ.ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต ให้สัมภาษณ์ ‘มติชน’ ถึงกรณีผลโพลของตนที่เคยยืนยันว่าพรรคฝ่ายประชาธิปไตยจะชนะการเลือกตั้งทางภาคใต้อย่างถล่มทลาย แต่ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา พรรคฝั่งอนุรักษนิยมยังได้รับความนิยม
รศ.ดร.ธำรงศักดิ์ กล่าวว่า ในพื้นที่ภาคใต้นั้นผลสำรวจนำเสนอในเรื่องของความนิยมของพรรคการเมือง หากไปดูคะแนนของพรรคก้าวไกลที่ความนิยมเป็นไปตามโพล เพียงแต่ว่าในเขตเลือกตั้งเราตระหนักดีว่ามีปัจจัยของตัวบุคคลอยู่ ดังนั้น ถ้าเราดูคะแนนของการเลือกตั้งของพรรคที่เป็นพรรครัฐบาลเดิมเราจะเห็นว่าใน ส.ส.เขตนั้นได้เยอะ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือคะแนนความนิยมต่อพรรคการเมืองลดฮวบลง โดยไปเทคะแนนให้พรรคก้าวไกลและเพื่อไทย เช่น พรรคพลังประชารัฐที่ได้คะแนน 4.1 ล้านใน ส.ส.เขตแต่บัญชีรายชื่อเหลือเพียง 500,000 ที่นั่ง หมายความว่ามีคนถึง 3.6 ล้านคน ย้ายความนิยมไปให้พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย แสดงให้เห็นว่าผู้ไปใช้สิทธิยังมีความสัมพันธ์กับผู้สมัคร ส.ส.เขตในด้านต่างๆ แต่เรื่องของพรรคการเมืองเราจะเห็นว่าทิศทางของทุกโพลไปในทางเดียวกัน ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แตกทลายทั้งหมด คะแนนจะไปอยู่ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แต่คะแนนที่พรรคก้าวไกลก็ยังได้เกือบ 120,000 แสดงให้เห็นว่าความเปลี่ยนแปลงในรอบ 4 ปีที่ผ่านมาคนใต้กำลังหลุดออกจากกรอบของการครอบงำทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ แม้แต่จังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคก้าวไกลยังได้เกือบ 130,000 เสียงถือว่ามากทีเดียว
“เขตเลือกตั้งของทุกภูมิภาคยังสัมพันธ์อยู่กับตัวบุคคลอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน คือจากเดิมที่เราเคยเชื่อกันว่ายังไงพรรคประชาธิปัตย์ก็จะครองพื้นที่ภาคใต้ชั่วนิรันดร์แต่ตอนนี้ชี้ให้เห็นว่าความเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นแล้ว ปัจจัยที่สำคัญคือสื่อ เทคโนโลยีและการรับสารจากสื่อประเภทใหม่ๆ เราเคยได้ยินว่าเวลาคนภาคใต้ดูโทรทัศน์หรือฟังวิทยุจะมีสื่อประจำของตนเองซึ่งจะเป็นสื่ออนุรักษนิยมมากๆ แต่ตอนนี้หมายความว่าในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาการที่คนรากหญ้าทั้งในเมืองและชนบทมีสมาร์ทโฟน เล่นโซเชียล ทำให้คนเหล่านี้มีช่องทางในการใช้สื่อมากยิ่งขึ้นนำไปสู่การปรับเปลี่ยนการรับรู้ข้อมูล” รศ.ดร.ธำรงศักดิ์กล่าว
