‘นักเรียนเลว’ หวัง รบ.ใหม่แก้ระบบการศึกษา ชาวเน็ตแนะเร่งแก้ ทรงผม-หลักสูตร
สืบเนื่องมาจากการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผลปรากฏว่าพรรคก้าวไกลได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนมากเป็นอันดับหนึ่งด้วยคะแนน 14,136,838 เสียง และสามารถกวาดที่นั่ง ส.ส.เขต และปาร์ตี้ลิสต์ ผลรวมแล้วมากถึง 152 ที่นั่ง ส่งผลให้พรรคก้าวไกลกลายเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นับเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการเมืองไทย
กลุ่มนักกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง ‘นักเรียนเลว’ ที่รวบรวมกลุ่มนักเรียน และคนรุ่นใหม่ที่เรียกร้องประชาธิปไตย ความเป็นธรรม และความเท่าเทียม โดยเฉพาะในภาคการศึกษา ได้โพสต์ข้อความลงในสื่อโซเชียลผ่านบัญชี นักเรียนเลว ความว่า
“พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของสังคมไทย ไม่ใช่แค่ปัญหาของระบบการศึกษา แต่รวมไปถึงปัญหาอื่น ๆ ในสังคมไทย”
ขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา กลุ่มนักเรียนเลวได้โพสต์ถามความคิดเห็นของชาวเน็ตผ่านช่องทางโซเชียลทั้งเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ ความว่า
รัฐบาลใหม่กำลังจะมาแล้ว อยากให้รัฐบาลใหม่แก้ไข “ปัญหาการศึกษา เรื่องไหนด่วนที่สุด
#นักเรียนเลว
#เลือกตั้ง66”
โดยมีผู้คนมาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยความคิดเห็นส่วนใหญ่ต้องการให้แก้ ‘ทรงผม’ และ ‘หลักสูตร’ มากที่สุด
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากลุ่มนักเรียนเลว ได้มีการเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลอยู่เสมอ อีกทั้งยังเป็นกระบอกเสียงให้แก่นักเรียนที่ถูกจำกัดสิทธิในด้านต่าง ๆ ทั้งนี้กลุ่มนักเรียนเลวยังได้เผยถึงเรื่องที่ต้อการให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาปรับปรุง แก้ไข และพัฒนาระบบการศึกษาให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งได้มีการโพสต์ผ่านช่องทางโซเชียลเป็นระยะ โดยมีประเด็นต่อไปนี้
1. เรียกร้องให้มี ‘เสรีการแต่งกาย’ ให้นักเรียนเลือกที่จะสวมหรือไม่สวมเครื่องแบบได้ หากคนใดอยากสวมก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล นับเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการคืนสิทธิในการเลือกแก่นักเรียนไทย
2. สภาพแวดล้อมภายในโรงเรียนต้องปลอดภัย และเหมาะสม ซึ่งที่ผ่านมาโรงเรียนสวนใหญ่ยังขาดสถาพที่เอื้อต่อการเรียนรู้
3. เสรีทรงผม เป็นสิ่งที่ควรได้รับความเห็นชอบจากนักเรียนอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการจำกัดสิทธิในร่างกายของนักเรียน ที่สำคัญระเบียบทรงผมในปัจจุบันถูกเขียนขึ้นจากบุคคลกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยงตรงจากระเบียบนี้แม้แต่น้อย
4. ทักษะด้านภาษา ควรปรับที่ตัวบุคลากรให้มีทักษะด้านภาษาที่มีคุณภาพเพียงพอต่อทุกโรงเรียนและสามารถถ่ายทอดไปยังนักเรียนได้อย่างถูกต้อง รวมถึงระบบการศึกษาที่ต้องเปลี่ยนวิธีการคิดและการสอน เพื่อให้นักเรียนได้นำภาษาอังกฤษไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพในชีวิตประจำวัน
5. หากครูผู้สอนประพฤติผิด ย่อมต้องได้รับการลงโทษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ครูทำผิดต่อนักเรียน อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่ผ่านมา โทษทางวินัยที่ครูได้รับถือว่าเป็นโทษที่เบากว่าความผิดของตนเป็นอย่างมาก