“ชพก.-พรรคใหม่” ร่วมหนุน “พิธา” นายกฯ ลุ้นปชป.โหวตด้วย-ก.ก.แก้เกม ส.ว.มุ้ง 2 ลุง
เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.) ให้สัมภาษณ์ในรายการ เปิดปากกับภาคภูมิ ทางไทยรัฐทีวี กรณีการโหวตนายพิธาเป็นนายกฯไม่ผ่านรัฐสภาในครั้งแรก พรรคร่วมจะทำอย่างไรต่อไป เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ส.ว.ไม่ต้องกังวล ในเอ็มโอยูไม่มีเรื่องมาตรา 112 ส่วนเรื่องเสียงส.ว.ที่จะมาช่วยโหวตหนุนนายพิธาเป็นนายกฯ ก็ช่วยโทรศัพท์คุยอยู่ อย่างไรก็ตามหากเสียง ส.ว.ไม่พอ อาจจะมีเสียง ส.ส.จากพรรคอื่นมาช่วย แต่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) คงไม่มาแน่ แต่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เชื่อว่ามาแน่
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากนายพิธาแถลงจับมือกับ 8 พรรคการเมือง จัดตั้งรัฐบาล 313 เสียงร่วมกัน เพื่อผลักดันนายพิธาดำรงตำแหน่งนายกฯ โดยจะมีการเซ็นเอ็มโอยูความร่วมมือกับทั้ง 8 พรรค รวมถึงนโยบายที่จะผลักดันและประเด็นต่างๆ วันที่ 22 พฤษภาคม ในขณะเดียวกันมีการแบ่งสายทาบทามพรรคการเมืองและ ส.ว.ให้มาร่วมสนับสนุนเพื่อให้ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา หรือ 376 เสียง ล่าสุด พรรค ก.ก.ได้บรรลุข้อตกลงจะดึงพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) มีว่าที่ ส.ส. 2 เสียงเข้ามาร่วมรัฐบาลแล้ว เพื่อเพิ่มเสียงเป็น 315 เสียง โดยแกนนำพรรค ก.ก.ติดต่อทาบทามเชิญพรรค ชพก.เข้าร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการ เมื่อบ่ายวันที่ 19 พฤษภาคม และแกนนำพรรค ชพก.ตอบรับเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะมีการแถลงข่าวต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาล นำโดยพรรค ก.ก.ว่า จากเดิมมีพรรคการเมืองที่จะร่วมกันเป็นรัฐบาล 8 พรรค 313 เสียง ได้แก่ พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเป็นธรรม พรรคไทยสร้างไทย พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคพลังสังคมใหม่ ล่าสุดได้รับการยืนยันจาก นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า พรรคใหม่ได้รับการเลือกตั้ง 1 เสียง มีนายกฤดิทัช แสงธโยธิน เป็นหัวหน้าพรรค ตกลงเข้าร่วมรัฐบาลแล้วอีก 1 พรรค ขณะที่พรรคชาติพัฒนากล้ามีอยู่ 2 เสียง ตกลงเข้าร่วมรัฐบาลกับก้าวไกลแล้ว ทำให้พรรคที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลรวม 10 พรรค 316 เสียง
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการเจรจาตำแหน่งรัฐมนตรี พิธา 1 ว่า กระทรวงสำคัญด้านความมั่นคงยังเป็นความต้องการของพรรค ก.ก. อาทิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ล่าสุด พรรค ก.ก.ต้องการตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยนายพิธามีแนวโน้มจะควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เพื่อเดินสายทำความเข้าใจกับนานาชาติหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในตำแหน่งนายกฯมาตลอด 8 ปี ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อาจจะหาคนที่มีความเหมาะสมและเป็นที่ยอมรับของคนในกองทัพมานั่งแทน
นอกจากนี้ กระทรวงเกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนที่พรรค ก.ก.ต้องการเข้ามาดูแล คาดว่าจะเป็นกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยเฉพาะกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติ ที่ทำกินของประชาชน ตลอดจนปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่เป็นนโยบายของพรรคหาเสียงไว้
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่พรรค พท.ยังคงยึดกระทรวงเศรษฐกิจเป็นหลัก ได้แก่ กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อต่อยอดนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค คาดว่านายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นตัวเต็งนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ
สำหรับกระทรวงที่เหลือที่น่าสนใจ อาทิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นพรรคร่วมอื่นๆ โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าประชาชาติ อาจได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่ากระทรวงยุติธรรม เพราะมี ส.ส.จำนวน 9 คน อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวพรรคที่ 11 จะเข้าร่วมในครม.คือพรรค ปชป. มีกระแสข่าวว่านายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค จะนำ 16 ส.ส.เข้าร่วมรัฐบาล ต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และรัฐมนตรีช่วยอีก 1 ตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าแกนนำพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล เดินสายขอคะแนนเสียงจากส.ว. เพื่อร่วมโหวตให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีว่า ได้พุ่งเป้าขอคะแนนจากส.ว.สายอิสระ 50 คน มาจากการเลือกกันเองในกลุ่มอาชีพต่างๆ เนื่องจากส.ว.กลุ่มนี้มีความสัมพันธ์คุ้นเคยกับนักการเมืองโดยเฉพาะกลุ่มบ้านใหญ่ และเริ่มเห็นท่าทีส.ว.ในกลุ่มนี้บางส่วนประกาศพร้อมสนับสนุนนายพิธา
ขณะเดียวกัน ส.ว.ในกลุ่ม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เริ่มได้รับสัญญาณจากแกนนำกลุ่มมาแล้ว ให้งดออกเสียงการโหวตนายกฯในการประชุมรัฐสภา เพื่อแสดงถึงการวางตัวเป็นกลางของ ส.ว. ส.ว.กลุ่มพล.อ.ประวิตรและพล.อ.ประยุทธ์ ประเมินว่าเสียงส.ว.กลุ่มอิสระ รวมถึงส.ว.บางส่วนที่ต้องการโหวตหนุนนายพิธา จะมีเสียงสนับสนุนเต็มที่ประมาณ 20 เสียง บวกลบเล็กน้อย ประเมินว่านายพิธาไม่น่าจะได้รับคะแนนสนับสนุนจาก ส.ว.ถึง 63 เสียง เมื่อไปรวมกับ 313 เสียงของ 8 พรรคที่จับมือตั้งรัฐบาล จะไม่ถึง 376 เสียง ไม่เพียงพอส่งนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีได้
