‘นิธิ’ มองความเปลี่ยนแปลง ชี้ ไม่ใช่กรุงแตกแล้วสร้างใหม่ แต่ใหญ่-ลึกกว่าที่เคยประสบ

‘นิธิ’ มองความเปลี่ยนแปลง ชี้ ไม่ใช่กรุงแตกแล้วสร้างใหม่ แต่ใหญ่-ลึกกว่าที่เคยประสบ

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการชื่อดัง ให้สัมภาษณ์ในรายการ เอ๊กซ์-อ๊อก talk ทุกเรื่อง ทาง ‘มติชนทีวี’ เมื่อ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยในตอนหนึ่ง กล่าวถึงประเด็นชัยชนะของพรรคก้าวไกลและการจัดตั้งรัฐบาลว่า ตนมีความคิดว่าพรรคก้าวไกลอาจจะได้คะแนนเสียงมาก แต่คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะมีคะแนนเสียงมากที่สุดในสภา สำหรับปัจจัยที่นำมาสู่ชัยชนะ มองว่า ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะวิธีการหาเสียง หรือวิธีการใช้เครื่องมือสื่อสารแบบใหม่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด

“มันคือความเปลี่ยนแปลงของสังคมมากกว่า รัฐบาลจะสามารถดำรงอยู่ได้ขึ้นอยู่กับความชอบธรรมของประชาชน แต่สิ่งที่ประเทศไทยเผชิญอยู่ในทุกวันนี้กลับเป็นความชอบธรรมโดยรัฐมากกว่าที่บีบบังคับให้ประชาชนต้องยอมรับ อยากจะย้อนกลับไปในประเทศไทยเมื่อ 8-9 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยจนถึงทุกวันนี้มันเป็นความชอบธรรมไหม คุณหันไปมองตำรวจ คุณหัวเราะก๊ากเลย ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายทั้งหมด และวันหนึ่งมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ตัวผู้บัญชาการตำรวจเองออกมาบอกว่าในยุคสังคมมันก็ย่อมมีคนดี คนเลว เราก็จะขจัดคนเลวออกไป เหลือแต่คนดี ผมว่าถ้าพูดแบบนี้เมื่อ 20 ปีที่แล้วก็คงจะเห็นด้วยว่าต้องขจัดคนชั่วออกไป และจะเหลือแต่คนดีๆ แต่ตอนนี้มีใครเชื่อบ้าง ว่าขจัดคนเลวไปจะเหลือคนดีไม่ใช่แค่ตำรวจนะ หันไปดูโรงเรียนก็ได้

เพราะฉะนั้น ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย มันเปลี่ยนชนิดที่ว่าไม่เคยเปลี่ยน มันไม่ใช่กรุงแตก และคุณสร้างกรุงใหม่ มันไม่ได้ มันเป็นเรื่องความเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่กว่า ลึกกว่าที่ประเทศไทยเคยประสบกันมาก่อน” ศ.ดร.นิธิกล่าว

Advertisement

ศ.ดร.นิธิกล่าวอีกว่า พรรคก้าวไกลพูดเสมอเมื่อหาเสียงว่า เลือกก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม เลือกก้าวไกลและมาเปลี่ยนประเทศร่วมกัน ขณะที่พรรคเพื่อไทยพูดว่าเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ ประเทศเปลี่ยนทันที ซึ่งหากวิเคราะห์จะเห็นคำว่าเปลี่ยนในความหมายระหว่างสองพรรคนี้นั้นแตกต่างกัน

“อันหนึ่งคือเปลี่ยนร่วมกัน รู้สึกว่าต้องเปลี่ยนอะไรบางอย่างที่มันใหญ่มาก เปลี่ยนทันทีนี่มันคล้ายๆ ว่า เปิดให้มันมีการแข่งขัน ติดต่อต่างประเทศ สามารถส่งออกสินค้าได้มาก อย่างที่พูดกันมาตลอด พูดง่ายๆ ตัวนโยบายพัฒนาที่เราทำมาตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์มาจนถึงปัจจุบันนี้มันหมดเสน่ห์แล้ว มันหมดความหมายแล้ว คนไม่ต้องการพัฒนาในความหมายแบบเก่าที่ปล่อยให้คนรวยเพียงไม่กี่คนรวย แล้วคุณไม่แก้ไขอะไรนอกจากว่าขอให้ GDP มันเพิ่มขึ้นก็พอแล้ว การที่พรรคก้าวไกลชนะพรรคเพื่อไทย แสดงให้เห็นว่ามีคนไทยจำนวนมากเชื่อว่าประเทศไทยจะต้องเปลี่ยนในระดับโครงสร้าง ไม่ใช่เพียงแค่ปฏิรูป…

ปัญหาของประเทศไทย ในฐานะผู้เลือกตั้งของพรรคก้าวไกล ไม่เชื่อหรอก เทคโนแครตหน้าฉลาด แต่สมองอย่างไรไม่รู้ ที่ออกมาพูดอย่างนู้นอย่างนี้ ผมคิดว่าสมัยหนึ่งเขาคงมีมนต์บางอย่างที่สะกดคนฟังได้ บัดนี้มนต์เหล่านั้นมันหายไปแล้ว เพราะทุกคนรู้สึกว่ามันแก้ไม่ได้หรอก มันไม่ใช่แค่เรื่องของฝีมือ คนจำนวนไม่น้อยในประเทศไทยไม่เอา” ศ.ดร.นิธิกล่าว

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image