พิธา แจง MOU 8 พรรค แค่วาระทำงานขั้นต่ำ ย้ำขึ้นค่าแรง 450 ควบคู่ ดูแลผู้ประกอบการ

พิธา แจง เอ็มโอยู 8 พรรคร่วม 23 ข้อ แค่วาระทำงานขั้นต่ำ ย้ำค่าแรงวันละ 450 บ. ยึดหลักการ ไม่ได้ขึ้นตามใจใคร

เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 23 พฤษภาคม ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้จัดการแถลงข่าวต่อจากการให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมภายหลังการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมเอ็มโอยูเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมว่า ในเรื่องของเอ็มโอยูของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลทั้ง 8 พรรค ในการทำการบันทึกข้อตกลงความเข้าใจของพรรคร่วม เป็นเพียงวาระการทำงานร่วมกันขั้นต่ำ ในส่วนของพรรคก้าวไกล 300 นโยบาย ที่เคยหาเสียงไว้ทางพรรคพยายามผลักดันต่อให้สำเร็จ ที่เป็นวาระร่วมก็อย่างที่เห็น 23 ข้อ

แต่ในขณะเดียวกันก็มีวาระเฉพาะของพรรคก้าวไกล ที่พยายามผลักดันผ่านสองกลไก คือกลไกการบริหาร ในฐานะที่ตนเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี ก็จะมีอำนาจในการบริหารจัดการให้เกิดผลการเปลี่ยนแปลงให้ได้มากที่สุด และสอง คืออำนาจรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลที่อยู่ในกระทรวงต่างๆ ในการผลักดันวาระที่อาจจะไม่ได้อยู่ในเอ็มโอยู แต่อยู่ในนโยบาย 300 ข้อของพรรคก้าวไกล และสาม หากพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นเจ้ากระทรวง เราก็ยังประสานงานกับรัฐบาลร่วม ในการพูดคุยเจรจาให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงผลักดันนโยบายของพรรคเราได้

นายพิธา กล่าวว่า แต่อีกหลายเรื่องก็เป็นเรื่องของนิติบัญญัติ โดยเฉพาะ 45 กฎหมายที่เราได้สัญญากับประชาชนไว้ เนื่องจากเรามีส.ส. 152 คน ก็สามารถผ่านกฎหมายเพื่อให้เกิดการถกเถียง และให้เกิดกรรมาธิการเพื่อให้ผ่านสภาเป็นกฎหมาย มีอำนาจรองรับ เช่น พ.ร.บ.น้ำประปาสะอาด พ.ร.บ.รับรองคำหน้าอัตลักษณ์ทางเพศ เป็นต้น ถึงแม้เรื่องดังกล่าว จะไม่อยู่ในวาระร่วมของรัฐบาล แต่ก็มีหลายกฎหมายที่เราสามารถผลักดันได้ ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่เราได้สัญญาไว้ให้กับประชาชน

Advertisement

“การที่มีเอ็มโอยู 23 ข้อ เป็นวาระร่วมแค่ขั้นต่ำ แต่ในขณะเดียวกันหลายประเด็นที่อาจจะทำให้ประชาชนต้องลำบาก และต้องการความเปลี่ยนแปลงผ่านกฎหมายที่ก้าวหน้า และการบริหารงานของพรรคก็จะมีวาระเฉพาะที่สามารถผลักดันได้เช่นเดียวกัน” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวว่า ส่วนเรื่องที่สอง เรื่องของคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ประชุมแรกได้ไปประชุมกับสภาอุตสาหกรรม ซึ่งมีประเด็นที่หารือกันหลายเรื่อง ในเรื่องของขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การสนับสนุน SME การหาแรงงานให้ตรงกับความต้องการของต่างประเทศ รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของค่าแรง การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม พรรคก้าวไกลยืนยันว่า การขึ้นค่าแรงขั้นเพื่อบรรเทาทุกข์ ยังจะมีอยู่แน่นอน พรรคก้าวไกลหนุนที่ 450 บาท/วัน ส่วนพรรคเพื่อไทย (พท.) หนุนที่ 400/วัน แต่ขณะเดียวกันไม่ได้นำเสนอต่อสื่อมวลชน ก็คือคำนึงถึงเรทของคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ ผู้ประกอบการบางรายที่สนับสนุนสมทบเงินประกันสังคม 6 เดือนแรก หรือการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 2 เท่า 2 ปี สามารถที่จะหักภาษีได้ คือสิ่งที่พรรคก้าวไกลเสนอ หรือแม้แต่การลดภาษีของธุรกิจ SME จาก 20 เปอร์เซ็นต์เป็น 15 เปอร์เซ็นต์ จาก15 เปอร์เซ็นต์ เป็น 10 เปอร์เซ็นต์

ทั้งหมดคือภาพใหญ่ที่มีการประชุมกัน แต่ไม่ได้ผ่านสื่อมวลชน จึงเป็นการสร้างความเข้าใจผิดว่า เมื่อเป็นรัฐบาลผสม ค่าแรง 450 อาจจะทำไม่ได้ทันที ซึ่งไม่เป็นความจริง เรากำลังเดินหน้ารับฟังผู้ที่เกี่ยวข้องให้รอบคอบ แต่ยังยืนยันกับประชาชนว่า ค่าแรงขั้นต่ำมีความจำเป็นที่จะต้องขึ้น และต้องขึ้นอย่างสม่ำเสมอโดยอัตโนมัติ เพื่อให้เกิดประโยชน์กันทั้ง 2 ฝั่ง

Advertisement

นายพิธา ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายค่าแรงวันละ 450 บาทของพรรคก.ก.ว่า มีหลักการว่าที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้มีการขึ้นค่าแรงบ่อยครั้ง นับตั้งแต่สมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ จึงอาศัยการคำนวนค่าเงินเฟ้อ และอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ รวมถึงประสิทธิภาพของแรงงานที่เพิ่มขึ้น จำนวนค่าแรงควรอยู่ที่ประมาณ 425-440 บาทต่อวัน พรรคก้าวไกลจึงได้เสนอ 450 บาท ควบคู่กับมาตรการดูแลผู้ประกอบการไปด้วย

“ยืนยันไม่ได้ขึ้นค่าแรงตามใจตัวเอง ขึ้นแบบมีหลักการ หลักสากล ตอนนี้ยังมีเวลาก่อนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรอง ดังนั้นในเวลา 2 เดือนนี้ ผมจึงต้องเดินสายทำงานให้รอบคอบ”นายพิธา กล่าว

ย้อนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image