09.00 INDEX ยุทธศาสตร์ การเมือง แปรเปลี่ยน หลังเลือกตั้ง ผ่าน ‘ข้อตกลงร่วม’
เด่นชัดอย่างยิ่งว่า “การเลือกตั้ง” เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม จะเป็นการต่อสู้ระหว่างพลังของ ”ประชาธิปไตย” กับ พลังของ ”เผด็จการ” อันมีรากฐานมาจากรัฐประหาร
ไม่ว่าจะเป็นรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่าจะเป็นรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษาภาคม 2557
“ผล” จาก ”การเลือกตั้ง” วันที่ 14 พฤษภาคม จึงสำคัญ
สำคัญไม่ว่าจะเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ว่าจะเป็น พรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าจะเป็น พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา
ยิ่งพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคประชาชาติ พรรคเสรี รวมไทย ยิ่งสำคัญ
เมื่อชัยชนะมาเป็นของพรรคก้าวไกลจึงทรง”ความหมาย”
เมื่อพรรคก้าวไกลสามารถผนึกพลังร่วมกับพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเป็นธรรม พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคพลังสังคมใหม่ จึงทรงความหมายและมีบทบาท
นั่นก็คือ การแปรพลังอันแสดงออกผ่าน 26 ล้านเสียงให้ปรากฏขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมผ่าน 310 ส.ส.
เท่ากับดำรงสถานะ ”เสียงข้างมาก” ใน ”สภาผู้แทนราษฎร”
ภาพทางการเมืองภายหลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม จึงก่อให้เกิด ”แนว” ขึ้นมาอย่างเป็นรูปธรรมและรองรับจากพื้นฐานที่เป็นจริง
เท่ากับนามธรรมในทาง ”ความคิด” ได้รับการสถาปนาผ่านรูปธรรมในทาง ”การเมือง” อย่างเป็นจริง
นี่ย่อมสร้างความมั่นใจให้กับพรรคก้าวไกลเป็นอย่างสูง
เป็นความมั่นใจที่เดินหน้าเข้าสู่การจัดทำ ”ข้อตกลงร่วม” ผ่าน การลงนามและประกาศได้สำเร็จในวันที่ 22 พฤษภาคม วันเดียวกันกับที่มีรัฐประหารเมื่อ 9 ปีก่อน
เป็นความมั่นใจที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เดินหน้าเข้าสู่การจัดโปรแกรมทางการเมือง ไม่เพียงเพื่อสร้างและทำความเข้าใจกับเครือข่าย ”เดิม” ของระบอบ ”เดิม” ในวุฒิสภา
หากยังเข้าหารือกับ ”องค์กร” ในทางเศรษฐกิจและการเมือง
ในความเป็นจริง ในห้วงแห่งหัวเลี้ยวหัวต่อ ในห้วงแห่งการเปลี่ยน ผ่านทางการเมืองเช่นนี้ย่อมก่อให้เกิดการต่อสู้อย่างแหลมคมยิ่ง ระหว่างระบอบ ”เก่า” กับระบอบ ”ใหม่”
เนื่องจากเป็นระยะแห่งการดำรงอยู่ของพระอาทิตย์ 2 ดวง
ดวงหนึ่งเป็นดวงอันมีพื้นฐานมาจากกระบวนการ ”รัฐประหาร” ดวงหนึ่งเป็นดวงอันมีพื้นฐานมาจากกระบวนการ ”ประชาธิปไตย” โดยการเลือกของประชาชน
เท่ากับดุลแห่งอำนาจได้เกิดการแปรเปลี่ยนขึ้นมาในทางยุทธศาสตร์อันแหลมคมอย่างยิ่ง