แกะรอยเบื้องหลังวิวาทะเดือด ‘ชลน่าน-ศิธา’ ปฐมเหตุจาก ‘สัตยาบัน-MOA-MOU’ มีอะไรในกอไผ่

แกะรอยเบื้องหลังวิวาทะเดือด ‘ชลน่าน-ศิธา’ ปฐมเหตุจาก ‘สัตยาบัน-MOA-MOU’ มีอะไรในกอไผ่

วิวาทะระหว่าง “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กับ “ผู้พันปุ่น-น.ต.ศิธา ทิวารี” รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ดูจะโกโซบิ๊ก และมีคำถามตามมาว่ามีอะไรในก่อไผ่

จากกรณีที่ “ผู้พันปุ่น” ลุกขึ้นถามกลางวงแถลงข่าวการเซ็นเอ็มโอยู 23 ข้อระหว่าง 8 พรรคที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาล เมื่อ 22 พ.ค.ที่ห้องแกรนด์ บอลลูม โรงแรมคอนราดว่า ท่านจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน ว่าท่านจะยืนตัวตรง สู้กับกลไกที่เผด็จการฝังไว้ในบทเฉพาะกาล 5 ปีแรกของรัฐธรรมนุญ โดยกำหนดให้ ส.ว.มีสิทธิเลือกนายกฯด้วยการเซ็น Advance MOU อีก 1 ฉบับ ระบุว่า ท่านจะทำงานร่วมกัน ตามฉันทานุมัติของประชาชน ที่มีให้กับพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ไม่ว่าท่านจะเป็นรัฐบาล หรือฝ่ายค้านร่วมกันก็ตาม” ได้หรือไม่

ต่อมา 23 พ.ค. “นพ.ชลน่าน” พูดผ่านรายการ “อยากมีเรื่องคุย” จากข่าวสดทีวี ถึงกรณีดังกล่าวว่า ไม่สบายใจเท่าไหร่สำหรับคำถามของ น.ต.ศิธา เพราะไม่ได้เป็นสื่อ แต่ไปคาดคั้นอย่างนี้ อีกทั้งตัวเองเป็นพรรคร่วม ผมคิดว่า เสียมารยาทอย่างยิ่ง…”

Advertisement

จากนั้น “ศิธา” โพสต์ตอบโต้ทันควันว่า “แถลงข่าวเสร็จ ไปนั่งทานข้าว และพูดคุย ชนแก้วกันอย่างชื่นมื่น โดยที่คุณหมอพูดคุยกับผมตามปกติ…ไม่ทราบว่า หลังจากนั้นคุณหมอโดนใครตำหนิ หรือไปรับบรีฟจากใครมา อยู่ๆ จึงงัวเงีย ออกมาพูดว่าเป็นการเสียมารยาท”

24 พ.ค. “นพ.ชลน่าน” ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอีกครั้งว่า คุณศิธา ไม่ควรไปถามคำถามตรงนั้น เพราะคุณศิธาอยู่ในวงที่ร่วมร่างเอ็มโอยูอยู่ด้วยกัน และมีส่วนในการเสนอแก้ไขและปรับปรุงตัวร่างเอ็มโอยูเยอะมาก และยังระบุว่า ผมไปพูดลับหลัง นั่งรับประทานอาหารและดื่มร่วมกันทำไม ไม่พูด การมาใส่ร้ายว่าโดนไปบรีฟ นี่เป็นเรื่องใส่ร้าย ถ้าคุณยังมีพฤติกรรมเช่นนี้คิดว่าการทำงานร่วมกันคงลำบาก ถ้ายังมีเงื่อนงำ หรือเงื่อนไขอยู่ ผมก็ประกาศว่า ผมไม่สบายใจที่จะร่วมงานกับคุณศิธา ผมไม่สบายใจกับเรื่องนี้ ยกเว้นแกนหลักเขาบอกพรรคของคุณศิธา 6 เสียงมีความสำคัญ ผมก็ต้องมานั่งดูตัวเองว่าผมสำคัญหรือเปล่า

“ยอมรับจริงๆ วันนั้นผมมีอารมณ์ ลงมาก็เพียงแต่ชี้หน้าเขา คุณทำตัวให้ถูก คุณจะเป็นสื่อ หรือเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ผมตำหนิเขาเลยนะ และมากล่าวหาว่า โดนกดดันโดนบรีฟ ผมยิ่งโกรธใหญ่เลย มันหมายถึงว่า ดูหมิ่น ด้อยค่า ทั้งตัวผม และพรรคผมด้วย แต่ถ้าเขาขอโทษ ผมจบนะ เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว” นพ.ชลน่านระบุ

Advertisement

แต่ก่อนที่จะเดินออกจากห้องสื่อมวลชน ผู้สื่อข่าวถามว่า “ทำไมวันนี้เดือดจัง” นพ.ชลน่านสวนกลับมาทันทีว่า “ผมเดือดผมมีอารมณ์ ถ้าชกได้ผมชกไปแล้ว”

ด้าน “ศิธา” ก็โพสต์เฟซบุ๊กอีกครั้งว่า “ขออภัย หากคำถามของผมมันล้ำหน้ามากเกินไปจนทำให้ไม่สบายใจ บอกคนรักกันเป็นแฟนกันแล้ว คิดเกินเลยไป ก็ต้องถอยหลัง ต่อไปนี้ ไม่ล้ำเส้น ไม่เร่ง ไม่บีบคั้น เรามาเดินหน้าต่อแบบพอดีๆ ไปด้วยกัน ผิดพลั้งไป ก็ต้องขอโทษ… MOU = เปิดตัวเป็นแฟนกัน #AdvanceMOU = จัดงานหมั้น ร่วมรัฐบาล = แต่งงานกันเป็นครอบครัว หากคำถามของผมมันล้ำหน้า (Advance) มากเกินไป จนทำให้ไม่สบายใจ ผมต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ย้อนปฐมเหตุวิวาทะ ระหว่าง “ชลน่าน-พิธา”
17 พ.ค. พรรคก้าวไกล นัดพรรคร่วมรัฐบาลที่ร้าน Chez Miline ย่านถนนสุโขทัย เขตดุสิต เพื่อพูดคุยร่วมรัฐบาลนัดแรกกับพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมรวม 6 พรรค ในที่ประชุมมีการนำเสนอให้ลงนามสัตยาบัน (Ratification of the Memorandum of Understanding) เพื่อผูกพันร่วมกัน แต่ในที่สุดตกลงกันเป็น MOU (Memmorendum of Understanding)

20 พ.ค. พรรคก้าวไกล ส่งร่าง MOU ไปให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณาปรับปรุงแก้ไข

21 พ.ค. พรรคก้าวไกล เชิญทีละพรรคเข้าหารือ โดยมีข้อเสนอจะขอปรับเปลี่ยนจาก MOU เป็น MOA (Memorendum of Agreement) แทน แต่ส่วนใหญ่ขอให้เป็น MOU

22 พ.ค. ที่โรงแรมคอนราด พรรคร่วมหารืออีกครั้งก่อนเปิดแถลงข่าว ในบันทึกนั้นก็เรียก MOU แล้ว จึงเป็นข้อสรุปร่วมกันว่าต้องแถลงเป็น MOU

ที่ “ชลน่าน” ต่อว่า “ศิธา” เสียมารยาทคือ ครั้งแรกเขาตกลงจะทำเป็นสัตยาบันก็ยกเลิกกันไป จะขอเปลี่ยนมาเป็น MOA ก็ไม่เอา ตกลงมาได้ที่ MOU

คำถามคือมันมีข้อสรุปในห้องประชุมแล้ว และ “ศิธา” ร่วมอยู่ด้วย แต่ยังไปถามพรรคเพื่อไทยกลางวงแถลงข่าวอีกทำไม… มีอะไรในก่อไผ่ หรือเกรงว่าอาจมีการสลับขั้วกันใหม่อีก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image