อดีตเลขากมธ.กฎหมาย ยัน ‘พิธาไม่ผิด’ แนะสู้คดีหุ้นITV เตือนคนร้อง ระวังโดนฟ้อง ‘แจ้งข้อมูลเท็จ’

อดีตเลขา กมธ.ฯ ยกข้อกฎหมาย ยัน ‘พิธาไม่ผิด’ แนะสู้คดีถือหุ้น ITV เตือนคนร้องระวังโดนฟ้อง ‘แจ้งข้อมูลเท็จ’

สืบเนื่องจากกรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร้องเรียนไปยัง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถึงประเด็นที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ถือหุ้นของสถานีโทรทัศน์ไอทีวี (ITV) จำนวน 42,000 หุ้น โดยมีการร้องเรียนว่าผิดกฎหมายการเลือกตั้ง และให้ กกต.ตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) นั้น

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณพลเดช มณีลังกา อดีตเลขานุการกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน (กมธ.) สภาผู้แทนราษฎร ได้ให้สัมภาษณ์กับ ‘มติชนทีวี’ ว่า หากย้อนไปเมื่อปี 2562 จะเห็นว่าได้มีการฟ้องร้องนักการเมืองในกรณีถือหุ้นสื่อ และมีการตัดสินให้มีความผิด ถูกปลดจากตำแหน่ง ส.ส.หลายคน แต่ในปัจจุบันมีคำวินิจฉัยที่เปลี่ยนไปจากในอดีตตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งแบ่งเป็น 2 กรณี คือการถือหุ้นนั้นหากไม่มากพอที่จะสามารถกำหนดทิศทางสื่อได้ ให้ถือว่าไม่มีความผิด และบริษัทไม่ได้มีการดำเนินการสื่อ ถือว่าไม่ผิดเช่นกัน

นายณพลเดชชี้ว่า คดีความดังกล่าวนั้น นายพิธามีสัดส่วนของหุ้นเป็นจำนวนที่น้อยมาก ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีความสามารถ หรือมีอำนาจสั่งการให้สื่อเผยแพร่ข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อพรรคการเมืองได้ เพราะฉะนั้นเมื่อตีความตามบทบัญญัติกฎหมาย การมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เพราะเหตุเป็นผู้ถือหุ้น ย่อมไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ จึงถือว่าไม่มีความผิด

Advertisement

นอกจากนี้ มีการตรวจสอบไปถึงงบการเงินของบริษัท พบว่าบริษัทไม่ได้ประกอบกิจการ และมีรายได้ อีกทั้งยังได้ตรวจสอบถึง สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พบว่าบริษัทไม่ได้ยื่นต่ออายุหลังจากมีการยกฟ้อง

นายณพลเดชกล่าวต่อว่า การถือหุ้นสื่อ ที่มิอาจทำให้สื่อช่วยเหลือ หรือประชาสัมพันธ์ในการเลือกตั้งได้ ย่อมไม่ผิด และยังได้มีการลงรายละเอียดถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญในกรณีถือหุ้นสื่อ หรือการมุ่งประสงค์ร้ายของผู้ที่มาร้องเรียน จุดประสงค์เพื่อให้นายพิธา พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. ซึ่งการร้องเรียนนี้อาจจะส่งผลไปถึงตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจจะผิดตามกฎหมายตามมาตรา 173 ที่ว่าด้วยผู้ใดมิได้ทำความผิดเกิดขึ้น และมีการแจ้งหรือร้องเรียนต่อเจ้าพนักงานสอบสวน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท และหาก กกต. ร้องต่อศาล ก็อาจจะมีเป็นการกระทำผิดตามมาตรา 175 คือผู้ใดนำความเป็นเท็จ ฟ้องผู้อื่นต่อศาลว่ากระทำผิดกฎหมายอาญาแรงกว่าความเป็นจริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท

Advertisement

ทั้งนี้ นายณพลเดชยังชี้ให้นายพิธา ต่อสู้ใน 2 ประเด็นข้างต้น

“หากจะสู้คดี ให้สู้ใน 2 ประเด็นดังกล่าว และฟ้องกลับคนร้องเรียนด้วย” นายณพลเดชกล่าว

อ่านข่าว :

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image