พลันที่ “รูปธรรม” แห่ง “ปฏิบัติการ” ของเหล่า HACKER เริ่มเผยสำแดงออกมา
กรณีเว็บไซต์ thaigov.go.th ล่ม
กรณีเว็บไซต์ opm.go.th ล่ม
กรณีเว็บไซต์ ratchaoitchasoc.go.th ล่ม
กรณีเว็บไซต์ nsc.go.th ล่ม
ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ของ กระทรวงกลาโหม กับ กระทรวงดิจิตัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ก็ล่ม
มีท่าทีมาจากบาง “โฆษก” นุ่มนวลขึ้น
ลองเปรียบเทียบระหว่างน้ำเสียงของ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม กับ น้ำเสียงของ พล.ต.คงชีพ ตันตระวณิชย์ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม
จะ “สัมผัส” ได้
น้ำเสียงเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม เป็นการ “ขอเตือน” น้ำเสียงเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม เป็นการ “ขอร้อง”
“ลาวัณย์” แห่งเสียง “แปรเปลี่ยน”
ความเป็นจริงที่จะต้องยอมรับอย่างแน่นอนก็คือ รัฐบาลไทยมิได้เผชิญแต่กับในประเทศ
หากยังมี “แฮ็กเกอร์” จาก “ต่างประเทศ”
ยิ่งกว่านั้น ยังมี “แถลงการณ์” เตือนอันดังกังวานมาจาก “สหประชาชาติ”
เป็น “แถลงการณ์” จาก UNOHCHR
นั่นก็คือ สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
จะถือว่าเป็น “เสียงนกเสียงกา” ก็ย่อมได้
แน่นอน UNOHCHR อาจไม่น่ากลัวอะไรเลยเพราะเสมอเป็นเพียง “แถลงการณ์”
แต่ที่ต้องเฝ้าระวังคือ ANONYMOUS ต่างหาก
บทสรุปอันมาจาก SG:TIF ต่อบทบาทของ 168 เสียงจากที่ประชุมสนช.เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม
เสมือนการ “รัฐประหาร” ซ้ำ
แตกต่างจากรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ตรงที่คราวนั้นเป็นรัฐประหารในทาง “การเมือง”
แต่วันที่ 16 ธันวาคมเป็นรัฐประหารใน “โลกออนไลน์”
ปฏิบัติการของพวกเขาจึงเท่ากับเป็นการประกาศ “สงคราม” เพียงแต่เป็น “สงครามไซเบอร์”
นี่คือสิ่งที่ “รัฐบาล” จะต้อง “เผชิญ”
เป็นการเผชิญ “ศึก” โดยที่ยังตอบไม่ได้ว่า “ศัตรู” อยู่ตรงไหน ไม่ว่าในประเทศ ไม่ว่าต่างประเทศ
เป็นการเผชิญ “ศึก” โดยไม่รู้ “แนวรบ”
เหล่านี้จึงต่างไปจากที่เคย “เผชิญ” มาตลอด 2 ปีเศษ
ไม่ว่า พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ย่อมไม่คุ้นชิน ไม่ว่า พล.ต. คงชีพ ตันตระวณิชย์ ย่อมไม่มีบทเรียน