‘ณัฐวุฒิ’ ยันไม่มีดีลลับ แฉซ้ำมีบางพรรคเคลื่อนไหวแต่ไร้คนสนอง ลั่น หากพท.พลิกจับอีกขั้ว พังแน่

‘ณัฐวุฒิ’ ยันไม่มีดีลลับ แฉซ้ำมีบางพรรคเคลื่อนไหวแต่ไร้คนสนอง ลั่น หาก พท.พลิกจับอีกขั้ว พังแน่

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวตอนหนึ่งในรายการ “กรรมกรข่าว คุยนอกจอ” ของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ถึงกรณีที่โพสต์เฟซบุ๊กสนับสนุนให้นายพิธาเป็นนายกฯ ว่า คิดและเชื่อเช่นนั้น หากใครไม่เชื่อเหมือนกันก็เคารพ แต่ตนคิดว่าสิ่งที่ควรจะเป็น ที่ถูกทิศถูกทาง น่าจะเป็นสิ่งที่ตนนำเสนอไป

อ่านเพิ่มเติม “ณัฐวุฒิ” ลั่น หนุน พิธา นั่งนายกฯ ไม่มีทางอื่น 2 พรรคต้องเดินไปด้วยกัน ชี้อย่ามัวงัดข้อต่อกรกัน อีกฝ่ายที่เงียบเพราะรอจังหวะขย้ำ

นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ส่วนที่พรรคเพื่อไทย (พท.) คิดแบบที่ตนโพสต์หรือไม่นั้น มองว่าพรรค พท.คิดแบบตน เพราะตั้งแต่คืนวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผลการเลือกตั้งออกมา ตนได้นั่งพูดคุยกับผู้ใหญ่ในพรรคหลายๆ คน ทุกคนก็นิ่ง รับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

Advertisement

“แน่นอนทุกคนผิดหวัง ถึงขั้นเจ็บปวด แต่เราต้องอยู่กับมันให้ได้ ทุกคนช็อก ตัวผมเองก็ไม่เคยอยู่ในสถานการณ์ที่พรรคไม่ได้ที่หนึ่งในสนามเลือกตั้ง แต่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา ก็ได้บอกน้องๆ ทีมงานว่าอะไรที่เกิดขึ้น ขอให้เชื่อว่าเราพยายามถึงที่สุดแล้ว และก็ต้องยอมรับ คือถ้าแพ้ ก็ต้องแพ้ให้คนลือว่าเรารู้จักแพ้ และแพ้ให้คนชนะรู้จักเราด้วย คือ ทำให้เห็นว่าเราเคารพการตัดสินใจของประชาชน และพร้อมที่จะสนับสนุนให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แม้คืนนี้จะเป็นคืนแพ้ๆ คืนนึง แต่อย่าให้ความพ่ายแพ้ไปใหญ่กว่าชัยชนะของประชาชน เพราะวันคืนนี้ประชาชนชนะ” นายณัฐวุฒิระบุ

นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า การพ่ายแพ้ของพรรค พท. เป็นเรื่องที่พรรค พท.ต้องไปสรุปและประเมินผลการทำงานที่ผ่านมา และลุกขึ้นมายืนให้เร็วที่สุด และพิสูจน์ตัวเองในการเลือกตั้งครั้งถัดไป ซึ่งวันที่รู้ผลเลือกตั้ง แพทองธาร ชินวัตร กับนายเศรษฐา ทวีสิน ไม่มีอาการผิดปกติ ไม่มีใครเสียทรง เก็บทรงอยู่หมด

ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิยังมองว่า ถ้าพรรค พท.กับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ไม่จับมือตั้งรัฐบาลเป็นเรื่องที่ผิด เพราะประชาชนตั้งใจร่วมกันแล้วว่าต้องการจะยุติอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์และพวก จะเลือกพรรคอะไรมาก็ตาม แต่เป็นพรรคการเมืองที่ประกาศชัดว่าไม่เอาการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น จึงเป็นภาระหน้าที่ และความรับผิดชอบร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยให้ได้ ยากแค่ไหนต้องช่วยกันทำให้ได้ ถ้าไปทางอื่นผิดแน่ๆ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์กับพวกกลับมาแน่ๆ

Advertisement

“วันนี้ อย่าไปมองว่าการต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายจบลงแล้ว หรือมองเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคร่วม เพราะจนถึงวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่เคยพูดว่าตนเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ ยังประกาศอยู่ทุกวันว่ายังคงเป็นนายกรัฐมนตรี และยังคงต้องทำหน้าที่อยู่ นี่คือท่วงทำนองที่พร้อมจะกลับเข้ามายึดอำนาจ ฉวยสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่เคยประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ และอย่าประมาทขั้วของ พล.อ.ประยุทธ์ที่อาจจะตั้งรัฐบาลแข่ง เพราะคณิตศาสตร์การเมืองวันนี้ ฝ่ายประชาธิปไตยมี 312 ส.ส. ต้องการ อีก 64 ส.ว. เลือกนายกรัฐมนตรี”

นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ในทางกลับกัน ฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ กับพวกมี 188 ส.ส. ต้องการอีก 62 ส.ส. เพื่อให้ได้ 250 เสียง ทีนี้ 62 ส.ส.มาจากไหน ก็จะเล็งเอาจาก 312 ส.ส.นั่นแหละ เพราะอย่าลืมว่าเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ก็มีการหา ส.ส.มาเพื่อเติมเสียงเพียงรักษาเสถียรภาพของรัฐบาล คราวนี้เอามาเพื่อทำให้พลิกเกมให้เป็นรัฐบาลได้

“อย่าประมาทวิธีการนี้ ผมคิดว่าเขาคงคิดแบบผม คือ มีความพยายามตั้งรัฐบาลแข่ง หรือไปต่อได้ และสัมพันธภาพของพรรคร่วมรัฐบาลที่กำลังจับขั้วกันอยู่ไม่ดี คำขวัญที่ว่า เลือกสงบ จบที่ลุงตู่จะกลับมาอีกครั้ง” นายณัฐวุฒิกล่าว

ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิมองว่า ต้องปฏิบัติภารกิจหยุด พล.อ.ประยุทธ์ก่อน แล้วค่อยมาแข่งการทำงานให้ประชาชน เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

ส่วนกรณีดีลลับที่นายชูวิทย์ระบุนั้น นายณัฐวุฒิมองว่า ตนก็งง ดีลลับยังไง คุณชูวิทย์ถึงได้รู้ทุกที ซึ่งตนมองว่าไม่มี เพราะ 1.คนในพรรคเพื่อไทยพูดชัดว่าต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชนและต้องเดินตามนี้

2.ตนพอรับรู้ความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองบางพรรคอยู่บ้างว่ามีความพยายามที่จะก่อตัวที่จะทำให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลสูตรพิสดาร แต่ไม่มีการตอบสนอง อย่างน้อยที่สุดจาก พรรค พท.คือ ไม่มี ปิดประตูแน่น ไม่มีการพูดคุย ตนอยู่ในพรรค พท. ยืนยันว่าไม่มี ไม่มีความเคลื่อนไหว ไม่มีความคิดนี้ ตนไม่เชื่อว่าคนที่นำพรรค พท.ในขณะนี้ไม่มีความคิดนั้น

“ผมยืนยันว่าถ้าไปมีดีลลับ แบบนั้นมันผิด ถ้าจะเอาแบบนั้น จริงต้องมีการคุยกันว่าในอีก 2-3 ปี พรรค พท.จะไปอยู่ไหน จะอยู่ในหีบเลือกตั้งเท่าไหร่ ประชาชนจะกาไปให้เท่าไหร่ 4 ปี ไม่นานที่คนจะจดจำอะไรก็ตามที่พรรคการเมืองทำไว้ และรอให้บทเรียน รอสั่งสอน ดังนั้น คนเป็นพรรคการเมืองต้องเรียนรู้จากประชาชน เพราะประชาชนไม่ได้มีสถานะลงคะแนนเลือกทั้งนั้น แต่ประชาชนเป็นผู้ให้บทเรียนกับนักการเมืองด้วย” นายณัฐวุฒิกล่าว

ถ้าพรรค พท.ไปจับกับพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย จะเกิดอะไรขึ้น นายณัฐวุฒิมองว่า พังครับ รัฐบาลนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะประชาชนไม่ยอมรับ จะปฏิเสธ จะต่อต้าน การทำงานในสภา พรรคก้าวไกลจะมีความแข็งแกร่งในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ทั้งจากการทำงานของตนเอง และจากแรงหนุนของประชาชน และการเลือกตั้งครั้งถัดไปจะยุ่ง เพราะคะแนนเสียงอาจจะเทไปอีกพรรคทันที และไม่ว่าพรรคไหน เช่น พรรคก้าวไกล กับพรรค พท. เหวี่ยงไปเข้ากับอีกขั้ว จะพัง เพราะการเลือกตั้งครั้งถัดไปคะแนนเสียงจะท่วมท้นทันที

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image