“ธนกร” ปัดรับลูกรัฐบาลแห่งชาติ ย้ำคำเดิม ให้พรรคอันดับ 1 ตั้ง รบ.ก่อน เชื่อ “ส.ว.จเด็จ” หวังดีต่อชาติ แต่เป็นเรื่องอีกไกล แก้ต่างให้ “บิ๊กตู่” ไม่เคยพูดกระตุ้นสมาชิก รทสช. ใจเย็นๆ หวังส้มหล่น
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 1 มิถุนายน ที่ทำเนียบ นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงข้อเสนอของนายจเด็จ อินสว่าง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เสนอการตั้งรัฐบาลแห่งชาติว่า รัฐบาลแห่งชาติเป็นเรื่องที่ไกลมาก แต่ก็เข้าใจได้ว่าผู้ใหญ่ของบ้านเมืองอาจจะเป็นห่วง ไม่อยากให้ประเทศติดหล่มหรือมีปัญหาขัดแย้งกันรุนแรง เลยเสนอแนวทางนี้ แต่ส่วนตัวตนมองว่า ควรปล่อยให้เป็นรัฐบาลปกติตามระบอบประชาธิปไตย เพราะเพิ่งเลือกตั้งมา เราต้องให้เกียรติพรรคลำดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาล และคิดว่าเขาคงจะตั้งรัฐบาลได้ ถ้าเขาตั้งไม่ได้ก็เป็นโอกาสของพรรคในลำดับที่ 2 จัดตั้งไป ซึ่งถือว่าเหมาะสมกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากบ้านเมืองติดหล่ม มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค รทสช. และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะมาร่วมกัน เข้ามาเป็นตัวแทนในรัฐบาลแห่งชาติ นายธนกรกล่าวว่า คิดว่าเป็นเรื่องไกลเกินไป เป็นอนาคตที่ไกลมาก เชื่อว่าสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ปกติ ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไร แต่ในอนาคตเราก็ไม่ทราบ และพรรค รทสช.ขณะนี้ก็อยู่นิ่งๆ ใช้เวลาตรงนี้ไปทำพรรคให้มีความนิยมมากขึ้น รวมไปถึงเฝ้ามองการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งตนก็เอาใจช่วย และเมื่อสักครู่ตนได้พบกับ นายชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ได้ให้กำลังใจไป
ถามว่า การที่นายจเด็จออกมาพูดถึงกรณีดังกล่าว จะเป็นการส่งสัญญาณในทางลับหรือไม่ นายธนกรกล่าวว่า ไม่มี ปกตินายจเด็จจะพูดอะไรก็มีเหตุผลทุกครั้ง และจากการฟังการอภิปรายของนายจเด็จในสภา ก็เป็นคนที่พูดตรงไปตรงมา แต่ทุกๆ คนก็หวังดีกับประเทศ นายจเด็จอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของอนาคต เพราะไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นการจุดพลุ จุดประเด็นมาหลายครั้งแล้ว
เมื่อถามว่า คิดว่าเป็นไปไม่ได้แล้วใช่หรือไม่ ที่การจัดตั้งรัฐบาลจะเปลี่ยนขั้วมาทางฝั่งรัฐบาลปัจจุบัน นายธนกรกล่าวว่า เราไม่คาดหวังอะไรอยู่แล้ว พรรค รทสช.มี 36 เสียง เราพร้อมจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอยู่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ตนอยากจะฝากไว้ในข้อมูลของสื่อมวลชน และแพลตฟอร์มต่างๆ ที่มีการระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์มั่นใจว่าพรรค รทสช.จะเป็นรัฐบาลแน่ ตรงนั้นขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยพูดเรื่องนี้เลย และเป็นสุภาพบุรุษทางการเมือง บอกเสมอว่าให้ยึดกลไกตามระบอบประชาธิปไตย ให้พรรคลำดับ 1 จัดตั้งไป
ถามย้ำว่า ที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดในที่ประชุมพรรค ขอให้ว่าที่ ส.ส.ของพรรครอก่อน เพราะอาจจะได้จัดตั้งรัฐบาลอีกครั้งนั้นไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นายธนกรกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยพูดประโยคดังกล่าวนั้นเลย เพียงแต่บอกว่าให้พรรคลำดับ 1 จัดตั้งรัฐบาลไป ตนขอยืนยันตรงนี้ และขอให้ความเป็นธรรมด้วย เนื่องจากเป็นการสื่อสารออกไปที่คลาดเคลื่อน
นายธนกรยังกล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ระบุว่าหากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ถูกวินิจฉัยว่าพ้นสภาพการเป็นหัวหน้าพรรค จะส่งผลกระทบต่อการรับรอง ส.ส.ของพรรค ก.ก. และอาจทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ นำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ว่า ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของข้อกฎหมาย สิ่งที่นายวิษณุพูด ตนเข้าใจว่านายวิษณุเป็นผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย ก็ให้ความเห็นว่า ถ้าคำร้องเป็นแบบนี้ การวินิจฉัยก็จะกระทบแบบนี้ ซึ่งตนคิดว่าสุดท้ายแล้วเป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัย ซึ่งตนคงไม่ไปก้าวล่วง เพราะกลไกต่างๆ ก็เดินหน้าไปแล้ว วันนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ต้องพิจารณาไต่สวน หลังจากนั้นก็ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญว่าคำวินิจฉัยออกมาเช่นไร ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องยึดข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า สมมุติว่าการคาดการณ์ของนายวิษณุเป็นความจริง การเลือกตั้งจะโมฆะทั้งหมดหรือโมฆะเฉพาะในส่วนคะแนนเสียงของพรรค ก.ก. 151 เสียง และผลจะออกมาแตกต่างกันอย่างไร นายธนกรกล่าวว่า ตรงนี้เป็นเรื่องของอนาคต ต้องรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่นายวิษณุก็ถือว่าเป็นกูรูด้านกฎหมาย ซึ่งมีความเชี่ยวชาญ แม้จะเป็นความเห็นของท่านก็ต้องรับฟังไว้
ถามว่า พรรค รทสช.ได้มีการวิเคราะห์กันภายในหรือไม่ ว่ารัฐบาล ก.ก.จะเกิดขึ้นก่อนและโดนสอยทีหลัง หรือจะไม่ได้เป็นรัฐบาลเลย จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการจับขั้วรัฐบาล นายธนกรกล่าวว่า เราไม่วิเคราะห์ แต่เราเอาใจช่วย เพราะในระบอบประชาธิปไตย ผู้ที่ได้ลำดับ 1 จะต้องเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล เพราะเวลาที่เหลืออยู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ให้เราทำงานเต็มที่จนนาทีสุดท้าย จะเห็นได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ค่อยพูดถึงประเด็นทางการเมือง เพราะไม่อยากไปก้าวล่วง หรือพูดแล้วจะเป็นประเด็น ดังนั้นต้องปล่อยให้พรรค ก.ก.เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งตนดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะอาจจะเจออุปสรรคหลายๆ อย่าง แต่ก็เอาใจช่วย