วิโรจน์ ลุยแก้ส่วยรถบรรทุก เตือน ตำรวจภูธร อย่าชะล่าใจ สหพันธ์ขนส่งฯ แฉอีกวิธีเรียกส่วย

‘วิโรจน์’ รับหนังสือสหพันธ์ขนส่งฯ ปมส่วยรถบรรทุก ชี้ ปห.มีมานานร่วม 20 ปี คาดเสียหายร่วมพันล้านต่อเดือน

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 1 มิถุนายน ที่พรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวภายหลังการหารือและรับหนังสือจาก นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากที่พรรคก้าวไกลได้รับเกียรติจากสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยที่เป็นสะพาน ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของผู้ประกอบการขนส่งถึง 10 สมาคม เป็นเกียรติอย่างสูงที่พวกเราได้ทำงานร่วมกัน ทั้งในเรื่องของการกำจัดปัญหาคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นปัญหาที่รุนแรงมาก และจะถูกผลักภาระไปยังภาคสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ รวมทั้งทำให้ถนนเสียหายจากการบรรทุกเกินขนาด และเป็นความเสี่ยงของประชาชนผู้ใช้ถนน

นายวิโรจน์กล่าวต่อว่า ตอนนี้ทุกคนคงตั้งเป้าไปที่ตำรวจทางหลวง แต่นอกจากนี้ยังมีตำรวจภูธร หรือตำรวจในพื้นที่ที่ดูแลการจราจรบางท่านยังมีการกระทำดังกล่าวอยู่ ต้องยอมรับว่าเรายังต้องพูดถึงตำรวจภูธรอีก จากที่ประชุมพบว่าตำรวจทางหลวงบางท่านที่เป็นปัญหาก็ได้ยุติไปชั่วคราวแล้ว แต่ในบางพื้นที่ยังพบว่ามีตำรวจภูธรยังชะล่าใจและกระทำอยู่ “ตนขอบอกว่าเลิกเถอะ” และในส่วนของสำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะที่มีส่วนเกี่ยวพันด้วยนั้น ตนคงจะไปบอกว่าให้เปลี่ยนทั้งหมดหรือเป็นทุกคนคงไม่ได้ ต้องย้ำว่าปัญหาเป็นที่ระบบ โดยคาดว่าความเสียหายอยู่ในระดับหมื่นล้าน เรื่องการทุจริตนี้คิดเป็นเพียงร้อยละ 10 ของการทุจริตทั้งหมดในประเทศไทย

โดยวาระสำคัญของการประชุมคือการสืบสาวราวเรื่องของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยเราจะรวบรวมและส่งข้อมูลไปให้กับสำนักงานจเรตำรวจ และ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ที่ได้รับตำแหน่งรักษาการผู้บังคับการตำรวจทางหลวงในขณะนี้

ADVERTISMENT

นายวิโรจน์ยังกล่าวอีกว่า การแก้ไขปัญหานี้ยังคงมีเรื่องของกฎระเบียบจุกจิกที่ยังเป็นปัญหาอยู่ การทบทวนการแก้ไขข้อกฎหมายยังเป็นภาระหน้าที่ และการร่วมกันทำงานของพรรคก้าวไกลและสมาพันธ์ ตนคิดว่าคงต้องนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างจริงจัง เพราะหากตัดปัญหาเรื่องที่ต้องใช้ดุลพินิจออกไป ปัญหาคอร์รัปชั่นก็จะหมดไปโดยปริยาย และเรื่องสุดท้ายคือเรื่องการยกเลิกการซื้อขายตำแหน่ง และระบบตั๋วของตำรวจ ตนเชื่อว่าถ้าสิ่งนี้หมดไปการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นก็จะยั่งยืน

ด้านนายอภิชาติกล่าวว่า ขอบคุณที่ให้เรามายื่นหนังสือ กระบวนการส่วยอยู่ในทุกพื้นที่ของประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2539 และพัฒนาความรุนแรงขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้ ตนขอถามว่าที่ผ่านมาสหพันธ์ หรือสมาคมทำอะไรอยู่ ทำไมจึงแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้ ซึ่งการพัฒนาของส่วยสติ๊กเกอร์มาจากการที่มีสื่อมวลชนเจ้าหนึ่งแอบถ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะที่เรียกรับสินบนจากรถบรรทุกไว้ได้ และได้เผยแพร่เป็นข่าวออกไป การเก็บส่วยตามท้องถนนจึงหมดไป แต่มีการพัฒนาเป็นแผ่นสติ๊กเกอร์เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการเคลียร์ทาง ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายได้อย่างสะดวก

นายอภิชาติกล่าวต่อว่า ตนอยู่ตรงนี้มา 20 กว่าปีแล้ว ร้องเรียนมาทุกกระบวนการ ตั้งแต่นายกฯ ผบ.ตร. รมว.คมนาคม แต่นายวิโรจน์ได้นำปัญหานี้มานำเสนอต่อสาธารณะและตรวจสอบจนทำให้เกิดการโยกย้ายตำแหน่งในตำรวจทางหลวง การขนส่งเป็นหัวใจสำคัญเป็นเส้นเลือดใหญ่ หากมีปัญหาสินค้าอุปโภคบริโภคที่ต้องขนส่งไปยังทั่วประเทศจะติดขัด หากยังมีระบบส่วยอยู่จะทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้น ขณะเดียวกันในเรื่องของราคาพลังงานรัฐบาลที่แล้วก็ไม่สามารถแก้ไขได้ ส่งผลให้สินค้าดีดตัวสูงขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเราพยายามร้องเรียนไปทุกกรม กอง แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไข

นายอภิชาติยังได้เปิดเผยถึงวิธีการในการจำหน่ายส่วยสติ๊กเกอร์ของตำรวจอีกด้วยว่า จะมีตำรวจระดับล่างตั้งแต่ยศนายสิบเรียกรถเข้าไปตรวจ พร้อมกับให้เบอร์โทรศัพท์ โดยบอกว่าให้โทรไปเคลียร์กับ “เจ้านาย” ซึ่งหากไม่ทำตามจะถูกกดดัน และถูกตรวจค้น หาข้อกล่าวหาที่ทำให้เราผิด และในส่วนของราคาส่วยสติ๊กเกอร์มีหลายระดับและราคา ตั้งแต่ 3,000-5000 บาท ไปจนถึงระดับพรีเมียม 25,000-27,000 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิชาติยังได้นำเอกสารที่มีรายละเอียดเกี่ยวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในเรื่องนี้มามอบให้นายวิโรจน์ และจะนำมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนเพื่อเผยแพร่ต่อไป

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

สหพันธ์ขนส่งฯ เปิด 46 ชื่อ เจ้าของส่วยสติ๊กเกอร์ มอบก้าวไกล ชี้ เคยขอภาครัฐแก้ แต่ไม่ร่วมมือ