ฟัง ‘พิธา’ ตอบ หลัง ‘สรยุทธ’ ถามจะนั่งควบรัฐมนตรีไหม แจงเหตุต้องมี รมต.คนนอก

ฟัง ‘พิธา’ ตอบ หลัง ‘สรยุทธ’ ถามจะนั่งควบรัฐมนตรีไหม แจงเหตุต้องมี รมต.คนนอก พูดชัดปมขึ้นค่าแรง 450 

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการ คุยนอกจอ ของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ในประเด็นการเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีที่แหกขนบ ทำสิ่งที่ไม่มีคนเคยทำมาก่อน จนมีคนพูดถึงเรื่องมารยาทว่า การจะรักษาขนบ จารีตที่ดี ไม่ได้หมายให้หยุดอยู่กับที่ แต่ให้มีการเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับบริบทของสังคม

ส่วนที่หุ้นตกนั้น กังวลไหม? แน่นอนที่ดูเรื่องนี้ เป้นสิ่งที่คนที่เป็นผู้นำรุ่นต่อไปต้องมาคำนึงถึง ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับนักลงทุนจากต่างชาติ คือกังวลว่าจะตั้งรัฐบาลไม่ได้ ทำให้เกิดความไม่ชัดเจน ระยะเวลายาวนานเกินไป กลัวว่าจะเกิดสุญญากาศ

แต่ที่อีกฝั่งบอกว่าที่หุ้นตก เพราะนโยบายของก้าวไกล พิธามองว่า อาจจะเป็นทั้งสองส่วน ที่ต้องใช้เวลาอธิบายว่าการเปลี่ยนแปลงมีคนได้ และเสีย ต้องทำความเข้าใจผู้สื่อข่าวต่างประเทศ นักลงทุน ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมชนะเลือกตั้งแล้วไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้เสียที ก็ต้องทำความเข้าใจว่ากฎหมายเราเป็นแบบนี้

Advertisement

ส่วนประเด็นค่าจ้างขึ้น 450 บาท ภายใน 100 วันนั้น พิธาระบุว่า ต้องพูดให้ชัดว่าการผลักดันขึ้นค่าแรงภายใน 100 วัน ตามกฎหมายจะต้องให้ไตรภาคี คือ ลูกจ้าง 5 คน นายจ้าง 5 คน ฝ่ายของรัฐ 5 คน พูดคุยกัน ซึ่งตัวแทนของรัฐบาลจะเข้าไปทำความเข้าใจว่าเหตุผลในการขึ้นค่าแรงคืออะไร การขึ้นค่าแรง 450 บาทมีที่มาที่ไปอย่างไร และจะช่วยนายจ้างอย่างไร

อย่างไรก็ตามยังยืนยันจะขึ้นค่าแรง 450 บาท แต่เหรียญมีสองด้าน ด้านหนึ่งขึ้นค่าแรง อีกด้านหนึ่งจะลดค่าไฟให้ จะลดราคาน้ำมันดีเซลให้ จะเพิ่มสภาพคล่องโดยให้เข้าถึงเงินกู้มากขึ้น 

ส่วนที่ธรุกิจขนาดใหญ่ที่กลัวจนจะย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศ นายพิธากล่าวว่า จากการพูดคุยกับกลุ่มธุรกิจใหญ่ๆ ไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ เขากลับมองว่าเป็นโอกาสดีที่จะเปลี่ยนจากแรงงาน ให้เป็นเทคโนโลยีใหม่ ส่วนจะการจ้างงานน้อยลงหรือไม่ มองว่ายังมีการจ้างงานใหม่ๆ อีกเยอะ ที่เป็นงานคุณภาพมากขึ้น

Advertisement

ส่วนที่กังวลจะย้ายฐานผลิตไปประเทศเวียดนามนั้น นายพิธากล่าวว่า เวลามีข่าวนี้ จะเห็นคนมาแสดงความคิดเห็นว่า นี่ขนาดยังไม่ขึ้นค่าแรง เขาก็ย้ายกันไปเยอะแล้ว แสดงว่าที่ย้ายฐานการผลิตไปไม่ใช่เพราะค่าแรงเพียงอย่างเดียว ซึ่งจากที่ตนเคยถามภาคเอกชน สาเหตุที่ย้ายไป คือ ทำธุรกิจง่าย กฎหมายมีน้อย คอร์รัปชั่นประเทศเวียดนามดีขึ้น ในขณะนี้คอร์รัปชั่นแย่ลง

และหลายประเทศที่อยากให้ย้ายฐานการผลิตไปนั้น เขาออกเงินลงทุนให้ด้วย หากมีการมาลงทุนในประเทศของตน ดังนั้น ต้องดูรายละเอียดอย่างอื่นด้วย เพราะอาจจะมีอย่างอื่นที่ทำให้นักลงทุนอยากไป ซึ่งค่าแรงเป็นหนึ่งในนั้นไหม ตนยอมรับว่าเป็น แต่ในขณะเดียวกัน เราต้องเลิกให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย อยู่ที่อยู่ที่การกดค่าแรงคนไทยด้วยกัน ขีดความสามารถของไทย ควรจะมีบุคลากรที่มีความสามารถที่ดี มีตลาดภายในที่ดี

เราจะปล่อยให้เหมือนอดีตที่ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยอยู่ที่ค่าแรงถูกอีกต่อไปไม่ได้ และสิ่งที่เราจะทำให้ คือ จะหาทางช่วยเหลือ และลดต้นทุนอย่างอื่นให้ผู้ประกอบการด้วย ดังนั้น เราจะอธิบายและรับฟังว่า มันมีความจำเป็นต้องขึ้น และพี่น้องแรงงานสมควรจะได้รับ และหากผู้ประกอบการรายใหญ่อยากให้รัฐบาลช่วยเหลืออะไร เปิดตลาดที่ไหนว่ามา จะช่วยเหลือ” พิธาระบุ

ส่วนถ้าขึ้นค่าแรงไปจะช่วยเหลือผู้ประกอบการรายใหญ่ในการลดภาษีหรือไม่ พิธากล่าวว่า จะนำไปพิจารณารับฟังดู แต่ในส่วนของ SME มีนโยบายลดภาษี 2 เท่า 2 ปี

สิ่งที่พูดคุยกันมา รัฐมนตรีคลังจะรับมือไหวหรือไม่ พิธามองว่า ศิริกัญญา ตันสกุล เป็นคนที่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาเรื่องการคลังได้ดี โดยศิริกัญญาเป็นประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร มา 4 ปี เป็นคนที่เห็นรายเลียดงบประมาณของแต่ละกระทรวงมาโดยตลอด ฉะนั้นศิริกัญญาเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถมากกว่าทุกคนที่เสนอตัวมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เชื่อมั่นว่าศิริกัญญาจะสามารถบริหารจัดการได้

พิธาระบุว่า ก็มีให้กำลังใจ มีพูดคุยกันบ้าง รู้ว่าเป็นคนเข้มแข็ง มีความตั้งใจที่ดี เข้าใจระบบงบประมาณดีมาก การคลังถ้าจะทำให้มีเสถีรยภาพต้องทำงานอย่างละเอียด ซึ่งศิริญกัญญาเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบ

ส่วนที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในตัวของศิริกัญญา พิธากล่าวว่า อยากให้โอกาสศิริกัญญา ในการอธิบายว่าสิ่งที่พรรคก้าวไกลจะทำมีโอากสที่จะทำให้เศรษฐกิจเติบโต

ทั้งนี้ พิธายอมรับว่า พรรคโตไม่ทันกับงานบริหารงานที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น ผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรีจะต้องใช้วิธีที่ไม่อยู่ในขนบเดิม คือ ต้องมีรัฐมนตรีคนนอก และมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นจริงๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่อาวุโสที่สุดในพรรค หรือเป็นคนบริจาคให้พรรคมากที่สุด คือ คิดว่าจะใช้ผู้เชี่ยวชาญอย่างไรให้สามารถแก้ไขปัญหาของกระทรวงนั้นๆ มากกว่าคนที่เป็นคนภายใน

ดังนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรรหารัฐมนตรีคนนอกอยู่ เรื่องนี้ต้องซีเรียสเพราะเราต้องการให้ประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลงจริงๆ

ส่วนพรรคจะแตกหรือไม่ ที่เอาตำแหน่งรัฐมนตรีไปให้คนอื่น พิธาบอกว่า ทุกคนที่อยู่ในพรรคเข้าใจกติกาและเข้าใจความคาดหวังในเรื่องนี้ ซึ่งทุกคนในพรรคโอเคและเข้าใจ

ส่วนจะควบตำแหน่งรัฐมนตรีไหนหรือไม่ พิธาตอบว่า ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น ถ้าบุคลากรไม่มีก็ยินดีที่จะควบ แต้ถ้ามีบุคลากรที่ดีกว่าก็ให้เขาทำหน้าที่ดีกว่า ส่วนตัวสนใจการต่างประเทศ มหาดไทย และกลาโหม ซึ่งตนคิดว่าการเป็นผู้นำไม่ต้องทำทุกอย่าง 

ส่วนที่อิ๊งจะเป็นรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศหรือไม่ พิธาระบุว่า ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ ตนตอบแทนไม่ได้ และคุณอิ๊งไม่เคยส่งสัญญาณมา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image