นิสิต ม.นเรศวร ย้อนเล่า ‘อนาคตใหม่’ ต้องบรรยายในร้านกาแฟ อดเข้ามหา’ลัย คาใจเลิกจัดงาน 55 ปี

จากกรณีคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) เชิญ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน โดยใช้ตำแหน่งว่า “นักวิชาการอิสระ” มาปาฐกถาในโครงการประชุมวิชาการในวาระครบ 55 ปี ภาควิชาประวัติศาสตร์ ‘เขียนสังคมใหม่ เขียนประวัติศาสตร์ประชาชน’ ในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ ซึ่งก่อให้เกิดดราม่าวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมหรือไม่อย่างกว้างขวาง ล่าสุดภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ประการยกเลิกการจัดประชุมวิชาการดังกล่าวแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน นายกิตติพศ พุกจันทร์ นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะสังคมศาสตร์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ และสภานิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า ที่มีการเสนอชื่อนายพริษฐ์ มาปาฐกถาพิเศษนั้น ตนคิดว่าเพราะนายพริษฐ์ มีความรู้ทางประวัติศาสตร์ เพราะเคยได้รับรางวัลชนะเลิศการแข่งขันประวัติศาสตร์เพชรยอดมงกุฎ และวัยของนายพริษฐ์ไม่ห่างกับนิสิตมาก เชื่อว่า ถ้านายพริษฐ์มาปาฐกถา นิสิตจะเข้าใจ และคิดว่าจะมีข้อเสนอแนะทางวิชาการที่ดี เป็นแรงผลักดัน สร้างแรงบันดาลใจในการเรียนของนิสิตได้

นายกิตติพศ กล่าวต่อว่า ตอนที่เกิดดราม่าใหม่ๆ ตนเห็นผู็บริหารจองมหาวิทยาลัยคนหนึ่งชี้แจงว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ และยืนยันในความเป็นกลางมากกว่าเสรีภาพทางวิชาการ หลังจากนั้น มหาวิทยาลัยได้ทิ้งปัญหาให้คณะสังคมศาสตร์ และภาควิชาประวัติศาสตร์ เป็นผู้ชี้แจงเอง ทั้งที่จริงแล้วทางมหาวิทยาลัยสามารถออกมาช่วยชี้แจง หรือช่วยยืนยันว่าการจัดโครงการประชุมวิชาการครั้งนี้เป็นเสรีภาพทางวิชาการ ซึ่งตนมองว่าต้นตอของปัญหา คือ มหาวิทยาลัยที่ปล่อยให้กระแสกดดัน และผลักปัญหาให้คณะและภาควิชาเป็นคนจัดการเอง

นายกิตติพศกล่าวต่อว่า หลังจากโครงการถูกยกเลิกไป ตนรู้สึกเสียดาย เพราะเป็นการพรากโอกาสของนิสิต พรากโอกาสของคณะ และมหาวิทยาลัยด้วย เพราะที่ผ่านมามหาวิทยาลัยชอบพูดเสมอว่าเราจะไประดับโลก แต่ในขณะที่เรากำลังทำงานวิชาการที่จะไประดับโลกจริงๆ กลับไม่ให้ทำ กลับถูกยกเลิกโครงการไป

Advertisement

“ความเป็นกลางที่มหาวิทยาลัยบอกนั้น ผมมองว่าไม่มี เพราะมีหลายเหตุการณ์ที่สามารถสะท้อนชัดเจนเลยว่า มหาวิทยาลัยไม่มีความเป็นกลาง เช่น ช่วงที่พรรคอนาคตใหม่ จะเข้ามาหาบรรยายในมหาวิทยาลัย แต่ไม่สามารถเข้ามาได้ ต้องย้ายไปบรรยายในร้านกาแฟ ใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยแทน หรือนิสิตปริญญาโท โดนฟ้อง 112 มหาวิทยาลัยก็ไม่เข้ามาช่วยเหลืออะไรเลย หรือช่วงปี 2563 ที่ม็อบเคลื่อนไหวหนักๆ ก็จะมีตำรวจเข้าไปคุกคามอาจารย์ถึงบ้านก็มี นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์นิสิตที่เป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง จัดกิจกรรมในมหาวิทยาลัย กลับถูกตำรวจนอกเครื่องแบบมาคุกคามให้หยุดจัดกิจกรรม ซึ่งมหาวิทยาลัยก็นิ่งเฉยไม่ปกป้องแต่อย่างใด ทั้งที่มหาวิทยาลัยควรจะเปิดพื้นที่ให้นิสิตแสดงออกทางการเมือง และควรจะเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย ไม่ใช่เปิดพื้นที่ให้ทหารตำรวจมาเข้าออก การทำแบบนี้เป็นการปิดกั้นเสรีภาพทางวิชาการ เสรีภาพทางความคิด และเราก็ไม่รู้ว่า ถ้าหลังจากนี้เกิดเหตุการณ์ที่ขัดต่อความมั่นคงของรัฐไทย มหาวิทยาลัยจะปกป้องนิสิต อาจารย์ และบุคลากรหรือไม่” นายกิตติพศกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image