ธุรกิจหวั่น’สุญญากาศการเมือง’กระชากศก.ดิ่ง จี้ตั้งรัฐบาลใหม่ หนุนลดค่าไฟ ขึ้นค่าแรงบางจว.
เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน นายศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ว่ายังไม่น่าเป็นห่วง เชื่อว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่อาจจะล่าช้าไปบ้างเล็กน้อย ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศมีสุญญากาศบ้างในระยะเวลาสั้น ช่วงรอรัฐบาลใหม่ เนื่องจากรัฐบาลปัจจุบันที่รักษาการจะไม่มีมาตรการหรือผลักดันการดำเนินการใดๆออกมาในช่วงนี้
“เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต้องเร่งจัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยเร็ว ยิ่งเร็วเท่าไหร่จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจเร็วเท่านั้น เพราะตอนนี้ประเทศไทยตกอยู่ภายใต้สถานการณ์การเมืองนำเศรษฐกิจ “นายศานิตกล่าว
นายศานิตกล่าวว่า รัฐบาลชุดใหม่เมื่อเข้ามาบริหารประเทศแล้ว ต้องเร่งเดินหน้านโยบายต่างๆ โดยเฉพาะค่าแรงและค่าไฟมีส่วนสำคัญทั้งคู่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยส่วนตัวมองว่าควรจะปรับขึ้นค่าแรง ลดค่าไฟลง และต้องทำไปพร้อมๆกัน โดยการปรับขึ้นค่าแรง 450 บาทต้องทำหลายรูปแบบและปรับบางพื้นที่ เช่น กรุงเทพฯและปริมณฑล ภูเก็ต ชลบุรีปรับ 450 บาท ส่วนจังหวัดอื่นปรับ 400 บาท หรือบางจังหวัดอาจจะยังไม่ปรับขึ้นก็ได้ เป็นต้น
นายวิทย์ กุลธนวิภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิตอล วัน เรียลเอสเตท จำกัด และ เคลเลอร์ วิลเลี่ยม ไทยแลนด์ บริษัทตัวแทนขายและที่ปรึกษาการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย กล่าวว่าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่หากมีความไม่แน่นอนหรือเป็นสุญญากาศทางการเมือง ซึ่งจะมีความต่อเนื่องไปถึงนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงรอการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะมีผลกระทบค่อนข้างสูงต่อการซื้อขายสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย เพราะเกี่ยวกับความมั่นใจของผู้ที่จะตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย รวมทั้งชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน ไม่ว่าพรรคไหนได้จัดตั้งรัฐบาล ขอให้มีเสถียรภาพและกำหนดแนวทางที่ชัดเจน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนซื้อและต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม
“ไม่ว่าขั้วไหนจะเป็นรัฐบาลก็ตาม ผมเชื่อว่าคงไม่มีผลกระทบเยอะมาก แต่อาจจะมีผลกระทบจากที่หาเสียงไว้กระทบเล็กน้อย เช่น ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาทต่อวัน โดยมองว่าเป็นปัจจัยบวกมากกว่า เพราะเป็นการขยับขึ้นของรายได้ถึง 20% แม้ต้นทุนจะเพิ่มขึ้นก็ตาม รวมถึงขอให้ดูเรื่องอัตราดอกเบี้ยให้พยายามขึ้นในระดับที่เหมาะสม ไม่สูงจนเกินไปหรือหามาตรการตรึงดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน 3 ปีแรกจากภาครัฐ เพราะมีผลต่อกำลังซื้ออสังหาเหมือนกันหรือหานโยบายใหม่ๆมากระตุ้นธุรกิจอสังหาได้ก็ดี”นายวิทย์กล่าว
นายวิทย์กล่าวว่า สำหรับนโยบายบ้านตั้งตัวที่รัฐบาลจะช่วยค่าผ่อนบ้าน สำหรับผู้ซื้อบ้านใหม่หลังแรกราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ถือเป็นนโยบายที่ดี แต่ต้องพิจารณาและระมัดระวังเรื่องแหล่งที่มาของเงิน ที่จะนำมาใช้ในโครงการดังกล่าว
“ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปรับตัวดีขึ้น เริ่มฟื้นตัวทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยลูกค้าต่างประเทศทั้งโซนยุโรปและอเมริกามามากขึ้นหลังที่โควิดคลี่คลาย แต่ตลาดในประเทศ ปัญหาหลักที่เป็นอยู่ คือ ความสามารถการซื้อและการผ่อนชำระต่ำ คนมีรายได้ต่ำกว่ารายจ่ายเกินไป เพราะมีภาระหนี้สิน โดยเฉพาะตลาดระดับราคา 2-3 ล้านบาทที่เข้าถึงสินเชื่อยาก ถูกปฎิเสธสินเชื่อสูง ซึ่งกลุ่มนี้มีส่วนแบ่งตลาดถึง 40% อีกทั้งยังมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย มีผลต่อค่างวดผ่อนสูงขึ้นอีก”นายวิทย์กล่าว
นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายระบบหลังคา”ตราเพชร”กล่าวว่า อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างและอสังหาฯมีความกังวลต่อนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาท เพราะเป็นภาคอุตสาหกรรมที่พึ่งพิงการใช้แรงงานจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ปัจจุบันที่ผู้ประกอบการในทุกอุตสาหกรรมกำลังเผชิญความเสี่ยงด้านต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นการปรับขึ้นค่าแรงจะเพิ่มแรงกดดันต่อต้นทุนให้สูงยิ่งขึ้น
“เราได้เตรียมความพร้อมบริหารความเสี่ยงด้านต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยสูงกว่า 80-90% เพื่อให้ต้นทุนต่อหน่วยต่ำ การลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต แม้จะมีความเสี่ยงด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการขึ้นค่าแรง แต่เรามั่นใจว่าจะผลักดันการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยพยายามบริหารจัดการปัจจัยลบดังกล่าวให้ที่ดีสุด”นายสาธิตกล่าว