‘บิ๊กบี้’เยือนกองทัพจีนพบ ‘รมว.กลาโหม-ผบ.ทบ.’ ย้ำสานสัมพันธ์2กองทัพ พัฒนาภูมิภาคอย่างยั่งยืน
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก (ทบ.) กล่าวว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อม พล.ต.หญิง พิมพ์พิศา จิตต์แก้วแท้ นายกสมาคมแม่บ้านทหารบก เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่าง 8-16 มิถุนายน 2566 ตามคำเชิญของกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นภารกิจการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนครั้งแรกของผู้บัญชาการทหารบกซึ่งกองทัพบกไทยและกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนมีความสัมพันธ์อันดีผ่านความร่วมมือในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
พล.ต.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า ผบ.ทบ.ได้เข้าเยี่ยมคำนับ พล.อ.หลี่ ช่างฝู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐประชาชนจีน และ พล.อ.ลี เฉียวหมิง ผบ.ทบ.สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้หารือข้อราชการเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่สำคัญและความร่วมมือด้านการฝึกระหว่าง 2 กองทัพ โดย ผบ.ทบ.ได้กล่าวถึงความร่วมมือในด้านการแลกเปลี่ยนที่นั่งการศึกษาในหลักสูตรระดับนักเรียนนายร้อยเสนาธิการ และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รวมทั้งการฝึกร่วม/ผสม อาทิ การฝึกผสมหน่วยรบพิเศษ ไทย-จีน ภายใต้รหัส STRIKE รวมทั้งการจัดหายุทโธปกรณ์ต่างๆ ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารได้กล่าวถึงการพิจารณาจัดทำกรอบความร่วมมือ TOR และการขยายความร่วมมือพัฒนาหลักสูตรด้านต่างๆ อาทิ หลักสูตรด้านภาษา, การศึกษาทางทหาร, Cyber Security เป็นต้น
พล.ต.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ได้มีการหารือในความร่วมมืองานด้านความมั่นคงเพื่อเสถียรภาพและสันติสุขในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐประชาชนจีนมีกำหนดการเดินทางเยือนราชอาณาจักรไทยในห้วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้เพื่อเจรจาความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ จากนั้น ผบ.ทบ.ได้ตรวจเยี่ยมสำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารบกไทยประจำกรุงปักกิ่ง และเยือนสถานที่สำคัญของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนด้วย
ทั้งนี้ ราชอาณาจักรไทยมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างแน่นแฟ้นยาวนาน 48 ปี การเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของผู้บัญชาการทหารบกในครั้งนี้ถือเป็นการสานสัมพันธ์ระหว่าง 2 กองทัพ พร้อมสานต่อความร่วมมือในมิติด้านความมั่นคง การฝึกศึกษา ความร่วมมือในการส่งเสริมสันติภาพ เสริมสร้างศักยภาพและขีดความสามารถของทั้งสองกองทัพไปสู่การพัฒนาภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืน