พม่าและผู้คนในขบวนการอารยะขัดขืน โดย ลลิตา หาญวงษ์

เมื่อพูดถึงวัฒนธรรมการต่อต้าน (resistance) รัฐประหาร ซึ่งในปัจจุบันมีวิวัฒนาการและมีหลากหลายรูปแบบในพม่า ทั้งการจับอาวุธขึ้นสู้ (armed resistance) และการกดดันทางการเมือง (political resistance) แต่มีการต่อสู้อีกประเภทหนึ่ง ที่สังคมอาจจะหลงลืมกันไปแล้ว นั่นคือการทำอารยะขัดขืน หรือ Civil Disobedience Movement (CDM) ที่บอกนี่คือการต่อสู้ที่ถูกลดทอนความสำคัญลงไปมากก็เพราะการต่อสู้ในลักษณะนี้คือการต่อสู้ด้วยการดื้อแพ่ง ด้วยความเงียบ และด้วยการต่อต้านโดยไม่ใช้กำลังใดๆ ดังนั้นเราจึงไม่เห็นว่ามีผู้ต่อสู้อยู่ในสมรภูมิดังกล่าวกี่คน และไม่สามารถประเมินความสูญเสียได้อย่างเป็น
รูปธรรม เมื่อเทียบกับการต่อสู้โดยใช้กำลังโดยตรง

ในขณะที่การต่อสู้ระหว่างกองทัพ/คณะรัฐประหารพม่ากับกองกำลังติดอาวุธจำนวนมากกำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤตในขณะนี้ ยังมีข้าราชการจากทั่วประเทศที่เข้าร่วมขบวนการ CDM และยังขัดขืนต่ออำนาจของคณะรัฐประหารมาตั้งแต่เกิดรัฐประหารวันแรกๆ มาจนถึงวันนี้ก็ร่วม 28 เดือนแล้ว คนที่เข้าร่วมขบวนการ CDM หรือที่เรียกว่า CDMers นี้มีจำนวนนับหมื่นนับแสนคน โดยมากคือครู บุคลากรทางการแพทย์ นักเรียนนักศึกษา และข้าราชการในกระทรวงทบวงกรมต่างๆ รวมทั้งพนักงานธนาคารด้วย คนเหล่านี้ตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าจะไม่กลับไปทำงานตราบใดที่พม่าไม่สามารถกลับไปมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยได้

มีการประเมินเบื้องต้นว่า เมื่อเกิดรัฐประหารขึ้นในต้นปี 2021 อู วิน เทง (U Win Htein) แกนนำพรรค NLD ซึ่งเพิ่งจะถูกรัฐประหารไป ได้กล่าวกระตุ้นข้าราชการพม่าทั่วประเทศให้กระทำอารยะขัดขืน เพื่อต่อต้านรัฐประหาร แน่นอนการตัดสินใจนี้มีราคาค่างวดที่สูงลิบ คำถามพื้นฐานคือ CDMers จะไปเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงชีพ ไม่ต้องพูดถึงจุนเจือครอบครัว ในสถานการณ์ที่หลายคนเป็นหัวหน้าครอบครัว

ผู้เขียนเคยเขียนเล่าเรื่องขบวนการ CDM ไว้สักระยะหนึ่งแล้ว ผ่านมานับปี สถานการณ์ของขบวนการ CDM ในพม่าเป็นอย่างไร ที่ผู้เขียนนำเรื่องนี้กลับมาเล่าอีกครั้งหนึ่ง เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อน มีโอกาสได้พบนักเคลื่อนไหวชาวไทยที่ทำงานใน CSO (Civil Society Organization) แห่งหนึ่งที่รณรงค์เรื่องสิทธิมนุษยชนและการทำให้เป็นประชาธิปไตยในพม่า เธอแลกเปลี่ยนกับผู้เขียนว่าในบรรดาผู้ที่กำลังต่อสู้กับกองทัพ/คณะรัฐประหารพม่า ที่อยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ที่สุด คือ CDMers เหล่านี้

คำอธิบายของเธอมีอยู่ว่ากองกำลังติดอาวุธมากมาย ทั้งกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์เก่าที่มีมาหลายสิบปี หรือกองกำลังกลุ่มใหม่ๆ ล้วนมีรายได้เป็นของตัวเอง แน่นอนเหล่านี้มาจากหลากหลายแหล่ง แต่โดยมากย่อมเกี่ยวข้องกับ “ธุรกิจ” บางอย่างตามแนวชายแดนไทย-พม่า หรือจีน-พม่าทั้งสิ้น นอกจากนี้ กลุ่มชาติพันธุ์ล้วนมีทรัพยากรเป็นของตนเอง ประชาชนสามารถพึ่งพากองกำลังได้อย่างน้อยก็ประมาณหนึ่ง แต่สำหรับประชาชนตามเมืองต่างๆ ที่มีเพียงความมุ่งมั่นและเจตนารมณ์ของหลักการอารยะขัดขืนเป็นอาวุธ พวกเขาเหล่านี้แทบไม่มีแหล่งพึ่งพิง หรือแหล่งรายได้ที่แน่นอน

ADVERTISMENT

รายได้หลักที่ CDMers ได้มาจากรัฐบาลคู่ขนาน NUG ที่รวบรวมเงินจากคนพม่าทั้งในประเทศและที่อยู่ต่างประเทศ แต่รายได้ส่วนนี้ไม่มีความแน่นอน และเราก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าพม่าจะกลับมาเป็นประชาธิปไตยเมื่อไหร่ และคนเหล่านี้จะได้กลับไปทำงานเมื่อไหร่ ที่ผ่านมา คณะกรรมการ CDM เกิดขึ้น โดยเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล NUG คณะกรรมการชุดดังกล่าวยังเป็นกระบอกเสียงให้กับ CDMers ที่ไม่มีทั้งการคุ้มครองใดๆ รวมทั้งไม่มีใครการันตีได้ว่าหากสถานการณ์ในพม่ากลับคืนสู่ความสงบแล้ว เหล่า CDMers จะได้กลับไปทำงานของตนเองจริง

ในช่วงสองปีเศษมานี้ มี CDMers จำนวนมากที่ถูกข่มขู่จากผู้มีอำนาจในทุกรูปแบบ ทั้งการให้เห็นภาพการซ้อมทรมาน การสังหารผู้ต่อต้านรัฐบาล การส่งภาพกลุ่มผู้ประท้วงที่เสียชีวิตไปให้ครอบครัวคนเหล่านี้ดู หรือการกดดันให้ CDMers กลับเข้าไปทำงานโดยดี มาตรการเด็ดขาดที่คณะรัฐประหารนำมาใช้คือการไล่ออก ทำให้ CDMers ที่ไม่มีรายได้อยู่แล้ว ต้องสูญเสียสิทธิพิเศษทั้งหมด เช่น บำนาญ หรือบ้านพักข้าราชการ อีกด้วย นอกจากนี้ ในด้านกฎหมาย คณะรัฐประหารนำมาตรา 505 (C) ในประมวลกฎหมายอาญามาใช้ เพื่อกำหนดโทษจำคุก CDMers ที่อาจต้องโทษสูงสุดนานถึง 3 ปี

จากรายงานของ NUG ตั้งแต่ปลายปี 2021 มี CDMers ที่ถูกคณะรัฐประหารไล่ออกไปแล้วเกือบ 3 แสนคน อีกเกือบ 4,000 คนที่ถูกไล่ออกหรือถูกบังคับให้ออกในขณะดำรงตำแหน่ง มาตรการไล่ล่าและคิดบัญชี CDMers ยังมีอีกหลายอย่าง ทั้งการขึ้นบัญชีดำ เพื่อกันไม่ให้พวกเขาออกนอกประเทศ และห้ามไม่ให้บริษัทต่างๆ จ้างคนเหล่านี้เข้าทำงาน มาตรการทั้งหมดนี้คือการกดดันไม่ให้ผู้ต่อต้านคณะรัฐประหารหาเลี้ยงชีพได้ หากผู้มีอำนาจในพม่าฉุกคิดสักหน่อยก็อาจจะพอรู้ว่าการผลัก CDMers ที่มีจำนวนหลายแสนคนให้ไปเป็นฝ่ายตรงข้ามและปราบปรามอย่างหนักหน่วงนั้นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะเมื่อไม่มีหนทาง CDMers ส่วนหนึ่งก็จะถูกผลักให้เข้าป่าไปร่วมกับขบวนการติดอาวุธต่อต้านคณะรัฐประหาร และยิ่งจะทำให้ขบวนการต่อต้านมีขนาดใหญ่ขึ้น

จากรายงานของสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง (พม่า) หรือ AAPP (สถิติในปลายปี 2022) มี CDMers ถูกสังหารไป 34 คน และอีกกว่า 200 คนถูกจับกุม และอีกกว่า 170 คนยังถูกควบคุมตัว ยังมีสถิติจากองค์กรนโยบายสาธารณสุขสากล (International Health Policies – IHP) ว่า CDMers มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงกว่ากลุ่มผู้ต่อต้านคณะรัฐประหารพม่าสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ

CDM เป็นขบวนการสันติวิธีต่อต้านรัฐประหารปี 2021 ที่กินเวลายาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมาในพม่า แต่คนกลุ่มนี้กลับได้รับความสนใจจากองค์กรระหว่างประเทศไม่มากนัก เนื่องจากมีข้อมูลน้อย และไม่สามารถประเมินได้ว่าพวกเขามีชีวิตที่ลำบากใน “เชิงประจักษ์” เหมือนฝ่ายต่อต้านคณะรัฐประหารกลุ่มอื่นๆ ต้องกล่าวด้วยว่า CDMers เป็นภาพแทนการต่อสู้ของคนตัวเล็กตัวน้อยในพม่ายุคปัจจุบัน ชี้ให้เห็นว่าประชาชนในสังคมมีฉันทามติว่าไม่ขออยู่ร่วมกับระบอบเผด็จการทหาร และแสดงเจตน์จำนงว่าต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมให้กลับสู่ครรลองประชาธิปไตยอีกครั้ง แต่หนทางนี้ยังอีกยาวไกล

ในระยะยาว ผู้เขียนเองก็ไม่ทราบจริงๆ ว่าชะตากรรมของ CDMers หรือกลุ่มต่อต้านจะเป็นอย่างไร แต่ตั้งแต่ผู้เขียนมีโอกาสได้เรียนรู้และเข้าไปพม่าเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ผู้เขียนมองว่าอะไรที่คิดว่าจะเป็นไปไม่ได้ มักเป็นไปได้เสมอในพม่า ประชาชนที่เหมือนว่าแร้นแค้นอับจนหนทางสุดๆ ก็มีชีวิตอยู่รอดได้อย่างน่ามหัศจรรย์