บทนำมติชน : ทางออกประเทศ
คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อยู่ระหว่างการพิจารณา ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งทั่วไป ตามที่ได้ให้คำมั่นจะพยายามดำเนินการให้เสร็จภายในเดือนมิถุนายนนี้ โดยที่บทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 85 ประกอบ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 127 ระบุให้ กกต.ประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต เมื่อตรวจสอบเบื้องต้นแล้วมีเหตุอันควรเชื่อว่า ผลการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และมีจํานวนไม่น้อยกว่าร้อยละเก้าสิบห้าของเขตเลือกตั้งทั้งหมด ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แต่ต้องไม่ช้ากว่าหกสิบวันนับแต่วันเลือกตั้ง หรือเมื่อการเลือกตั้งมีขึ้น 14 พฤษภาคม 2566 การประกาศรับรองจึงต้องไม่เกินวันที่ 14 กรกฎาคม
รัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กำหนดให้รับรอง ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว มีกรอบเวลาสูงสุดไม่เกิน 60 วัน การที่ กกต.กระตือรือร้นตรวจสอบ เพื่อเร่งกระบวนการประกาศรับรอง นับเป็นเรื่องดี ทั้งนี้ เนื่องจากทุกภาคส่วน รอคอยการประกาศรับรองผลเลือกตั้ง เมื่อได้จำนวนครบตามกติกาแล้ว กระบวนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกประธาน ซึ่งจะทำหน้าที่ประธานรัฐสภาตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญด้วย จะได้เริ่มขึ้นภายใน 15 วันนับแต่วันประกาศรับรอง จากนั้น ประธานรัฐสภาจะได้เรียกประชุมร่วมสมาชิก 2 สภา เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี เข้ามา
บริหารราชการแผ่นดินต่อไป
แม้กฎหมายกำหนดกรอบไม่เกิน 60 วัน ในการประกาศรับรองผลเลือกตั้ง และขณะนี้ยังอยู่ในเวลา แต่ภาคส่วนต่างๆ ได้ออกมาเรียกร้องให้เร่งจัดตั้งรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มเข้ามาบริหารประเทศโดยเร็ว เพื่อไม่ให้การบริหารขาดตอนนานเกินไป โดยที่มีเรื่องต้องบริหารจัดการ แก้ไขรออยู่มาก ซึ่งเมื่อไม่มีความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล ส่งผลให้การลงทุน ประกอบธุรกิจ การวางแผนงานต่างๆ ชะงักงันนอกจากนี้ การรับรองผลเลือกตั้งเร็วกว่ากรอบเวลา ยังเป็นผลดีต่อการตั้งรัฐบาล ที่อาจมีปัญหาไม่ลงตัว ดังปรากฏสัญญาณให้เห็นอยู่ในขณะนี้ หากรอครบ 60 วัน การตั้งรัฐบาลอาจล่าช้าเนิ่นนานออกไปอีก ไม่เป็นผลดีต่อประเทศ
ความวิตกกังวลของภาคส่วนต่างๆ ในเวลานี้ มีอยู่ 3 ประการ 1.ตั้งรัฐบาลล่าช้า 2.การตั้งรัฐบาลจะเป็นไปตามครรลองประชาธิปไตยหรือไม่ และ 3.จะมีการชุมนุมเกิดขึ้นหรือไม่ ทั้ง 3 ประการนี้ ก่อให้เกิดความไม่เชื่อมั่นเป็นอย่างมาก ลำพังการตั้งรัฐบาลล่าช้า หากแต่ยังเป็นไปตามครรลอง กล่าวคือ ได้รัฐบาลที่เป็นไปตามผลการเลือกตั้ง ยังเป็นที่รับได้ แต่หากได้รัฐบาลที่ถูกตั้งคำถาม ไม่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยสากล ประชาชนไม่พอใจ ผลการเลือกตั้งไม่มีความหมาย เกิดการชุมนุมประท้วง ประเทศตกอยู่ในวังวนความขัดแย้ง ความวิตกกังวลเหล่านี้ เกิดขึ้นกับทุกวงการ ทุกฝ่ายจึงควรตระหนักในปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ก็ช่วยระงับยับยั่ง หากไม่ยึดผลเลือกตั้ง ใช้เครื่องมือนี้จัดการแก้ปัญหาการเมือง มีเครื่องมืออื่นใดที่เป็นทางออกสันติวิธีดีกว่านี้
