ภูมิธรรม ยังไม่คุย ‘อดิศร’ ย้ำหลักการพรรคอันดับ 1 นั่ง ปธ.สภา คนรอความเปลี่ยนแปลงอยู่

‘ภูมิธรรม’ ย้ำหลักการให้พรรคอันดับ 1 เป็นประธานสภา แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป รอ กกต.รับรองจำนวน ส.ส.ชัดเจน ชี้ ปชช.รอคอยความเปลี่ยนแปลงมากกว่าช่วงชิงตำแหน่ง

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวถึงกรณีตำแหน่ง ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่มีการตีความว่าพรรค พท.ยอมถอยให้พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ว่าตำแหน่งประธานสภายังไม่มีข้อสรุปใดๆ เพราะเพิ่งจะมีการพูดคุยไปเพียง 1-2 ครั้ง ตั้งแต่เกิดข้อถกเถียงกัน ซึ่งความแตกต่างของทั้งพรรค ก.ก.และพรรค พท.มี ส.ส.ต่างกันไม่มาก เบื้องต้นได้มีการตกลงกันตามที่ตนเสนอว่าตำแหน่งรัฐมนตรีควรจะได้ในจำนวนที่เท่าๆ กัน 14 คน โดยพรรค ก.ก.เป็นประมุขฝ่ายบริหาร เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า พรรค พท.ที่เป็นพรรคอันดับ 2 ในขณะนี้ก็ควรจะได้ตำแหน่งประธานสภา ถือว่ามีความเท่าเทียมกัน ทำให้ผู้สนับสนุนสามารถมองได้ว่าเป็นความร่วมมือกันระหว่างพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย และไม่มีความคืบหน้าใดๆ อีก จน นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.พรรค ก.ก. ออกมาแสดงความคิดเห็นและจองตำแหน่งประธานสภาจะต้องเป็นของพรรค ก.ก.เท่านั้น

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตนจึงได้ตำหนิไปว่าเป็นเพียงความเห็นส่วนตัว แต่ความเป็นจริงจะต้องรอให้ตัวแทนทั้ง 2 ฝ่ายพูดคุยกันได้ชัดเจนก่อน ดังนั้น เมื่อยังไม่มีความชัดเจน การออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ ขณะนี้โดยมารยาททางการเมืองนั้นไม่มีผู้ใดจะกระทำกัน และเมื่อเป็นข้อพิพาทระหว่าง 2 พรรคการเมือง จึงควรยุติเรื่องดังกล่าวเพื่อให้เรื่องอื่นๆ ที่สำคัญกว่า โดยเฉพาะการจัดตั้งรัฐบาล สามารถดำเนินการต่อไปได้

Advertisement

นายภูมิธรรมกล่าวด้วยว่า ขอย้ำหลักการตำแหน่งประธานสภาว่าพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งอันดับ 1 ควรครองตำแหน่งประธานสภา และพรรคอันดับ 2 หากคะแนนเสียง ส.ส.ห่างกันไม่มากก็ควรได้ครองตำแหน่งรองประธานสภาทั้ง 2 ตำแหน่ง ซึ่งตนไม่ได้ระบุว่าจะมอบตำแหน่งประธานสภาให้กับพรรคการเมืองใด หรือ ส.ส.คนใด เพราะในทางปฏิบัติจะต้องพูดคุยในรายละเอียดร่วมกันก่อน แต่ขณะนี้พรรค พท.เป็นพรรคอันดับ 2 ซึ่งการเป็นพรรคการเมืองอันดับ 2 ที่ผ่านมามักจะมีการตั้งรัฐบาลแข่ง แต่พรรค พท.ก็ไม่ได้กระทำ

“เพราะคำนึงว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการความปลี่ยนแปลง และเมื่อพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยมารวมกันได้ 312 เสียง โดยที่พรรคก้าวไกลมีประมาณ 150 เสียง ดังนั้น จึงต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย และรอการรับรองผลการเลือกตั้งจาก กกต.ก่อน เพื่อให้ทราบว่าพรรคการเมืองใดจะชนะการเลือกตั้งลำดับที่ 1 ที่ชัดเจน กระบวนการพูดคุยระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจึงจะเริ่มต้น ซึ่งหลัง กกต.รับรองการเลือกตั้งแล้ว ก็ยังมีเวลาอีก 15 วัน ก่อนจะมีรัฐพิธี และขั้นตอนการเลือกประธานสภา” นายภูมิธรรมกล่าว

Advertisement

เมื่อถามว่า ได้ต่อสายพูดคุยกับ นายอดิศร เพียงเกษ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. เพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่มีเรื่องใดเลยเถิด และจะต้องรอให้เจ้าตัวมาชี้แจงหลังจากนี้ เพราะตนได้ย้ำเพียงหลักการ จึงขออย่าเพิ่งมีการตีความใดๆ

เมื่อถามถึง สาเหตุที่พรรค พท.ออกมาชี้แจงหลักการดังกล่าวทั้งที่ก่อนหน้านี้ พรรค พท.ก็ย้ำถึงตำแหน่งประธานสภาจะต้องเป็นของพรรค พท.นั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า เดิมเป็นเพียงการพูดคุยเพื่อให้สามารถทำความเข้าใจกันได้ เบื้องต้นจำนวนเสียง ส.ส.ระหว่าง 2 พรรคไม่แตกต่างกันมาก แต่เมื่อมีความขัดแย้งเกิดขึ้นก็ไม่ต้องการให้เกิดข้อถกเถียงกัน จึงได้ออกมายืนยันหลักการเพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลสามารถดำเนินต่อไปได้ เพราะประชาชนรอคอยความเปลี่ยนแปลง มากกว่าการช่วงชิงตำแหน่ง

เมื่อถามว่า ที่มีรายงานว่าพรรค ก.ก.จะเปิดชื่อบุคคลที่เหมาะสมจะดำรงตำแหน่งประธานสภา นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นสิ่งที่พรรค ก.ก.คิด แต่ยังไม่ใช่ข้อตกลงร่วมของทั้ง 2 พรรคการเมือง ซึ่งพรรค พท.ก็ยังไม่ได้เตรียมบุคคล เพราะยังไม่มีความชัดเจนใดๆ และการเตรียมวางตัวบุคคลจะต้องให้ได้ข้อสรุปจากทั้ง 2 พรรคก่อน

นายภูมิธรรมระบุว่า ย้ำว่า 3 รายชื่อของพรรค พท.ที่มีการเปิดเผยไปก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงการคาดการณ์ของสื่อมวลชนที่วิเคราะห์ตามประสบการณ์ หรือความเหมาะสม และการจัดสรรบุคคลไปดำรงตำแหน่งใดจะต้องพิจารณาถึงองค์ประกอบหลายปัจจัย ยืนยันว่าพรรค พท.ยังไม่มีการกำหนดตัวบุคคลดำรงตำแหน่งประธานสภา หรือรัฐมนตรี และเห็นว่าควรจะเร่งพูดคุยถึงการจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จมากกว่า

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image