‘บิ๊กตู่’แนะปัญหาทะเลจีนใต้ละเอียดอ่อนสูง ทุกฝ่ายควรยับยั้งชั่งใจ

“นายกฯ” หารืออาหารค่ำ ระหว่างประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐ ชี้ปัญหาทะเลจีนใต้มีความละเอียดอ่อนสูง ทุกฝ่ายควรใช้ความยับยั้งชั่งใจ แนะพูดจาหารือกันบ่อยขึ้น

เมื่อเวลา 18.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นที่ช้ากว่าไทย 15 ชั่วโมง ที่ซันนีแลนด์ เมืองรานโช มิราจ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร่วมหารือระหว่างอาหารค่ำ (Working Dinner) ซึ่งนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพ ในประเด็นเกี่ยวกับ “ทิศทางยุทธศาสตร์ของภูมิภาค” (Regional Strategic Outlook) ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐ สมัยพิเศษ โดยผู้นำอาเซียนและประธานาธิดีสหรัฐ ร่วมแลกเปลี่ยนประเด็นสำคัญ อาทิ ปัญหาทะเลจีน ปัญหาในคาบสมุทรเกาหลี ความร่วมมือในกรอบ การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (EAS) ความร่วมในการพัฒนา เป็นต้น

โดย พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าปัญหาทะเลจีนใต้มีความละเอียดอ่อนสูงและส่งผลกระทบกว้างไกล ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และความร่วมมือระหว่างประเทศ ควรได้รับการแก้ไขอย่างรอบคอบและถูกวิธี เพื่อรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และการเติบโตของภูมิภาคไว้ได้ไทยสนับสนุนการรักษาเสรีภาพและความปลอดภัยในการเดินเรือและการบินผ่าน ซึ่งจะทำให้การค้าไม่หยุดชะงัก และการเดินทางผ่านทะเลจีนใต้มีความปลอดภัย และเกิดความสงบสุข อันเป็นความปรารถนาร่วมกันของทุกประเทศในภูมิภาค นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยมีความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในทะเลจีนใต้เช่นเดียวกับทุกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากทะเลจีนใต้กลายเป็นพื้นที่ทางทหาร และเห็นว่าทุกฝ่ายควรใช้ความยับยั้งชั่งใจ ไม่ดำเนินการใดๆ ที่จะทำให้ปัญหาทวีความยุ่งยากซับซ้อน ควรพูดจาหารือกันให้บ่อยครั้งขึ้นและอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ซึ่งจะทำให้ความตึงเครียดในพื้นที่ลดน้อยลง ความขัดแย้งไม่ขยายตัว และไม่เกิดการกระทบกระทั่งกันจากการคาดการณ์ผิดพลาด

ปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ (DOC) ยังคงมีประโยชน์ต่อการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ผ่านการส่งเสริมความร่วมมือเพื่อสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการแก้ไขปัญหาด้วยการเจรจาโดยสันติวิธีระหว่างรัฐที่เกี่ยวข้องโดยตรง ดังนั้น ทุกฝ่ายจึงควรปฏิบัติตาม DOC ในทุกข้อบท ควบคู่กับเร่งรัดการเจรจาจัดทำแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (COC) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งเร่งดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วน โดยเฉพาะการจัดตั้งโทรศัพท์สายด่วนระหว่างกระทรวงการต่างประเทศอาเซียนและจีน และการฝึกซ้อมด้านการค้นหาและกู้ภัย อาเซียนที่เป็นเอกภาพและน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จะสามารถแสดงบทบาทอย่างเข้มแข็งและสร้างสรรค์ ในการแสวงหาแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาทะเลจีนใต้อย่างสันติวิธี รวมทั้งร่วมมือกับจีนในการปฏิบัติตาม DOC อย่างเต็มที่ และทำให้เกิดความคืบหน้าในเรื่อง COC ดังนั้น ประชาคมระหว่างประเทศจึงควรสนับสนุนความเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในสถาปัตยกรรมภูมิภาค และการสร้างความเป็นเอกภาพของอาเซียนเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว

ไทยชื่นชมสหรัฐที่สนับสนุนความพยายามของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาทะเลจีนใต้อย่างสันติวิธี การส่งเสริมเสรีภาพในการเดินเรือและบินผ่านตามหลักสากลบนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งการปฏิบัติตาม DOC อย่างเต็มที่ และเร่งรัดการเจรจา COC ให้แล้วเสร็จโดยหวังว่าสหรัฐ จะสนับสนุนบทบาทที่เข้มแข็งของอาเซียนต่อไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพื่อนำไปสู่การมีสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค

ADVERTISMENT

สำหรับบทบาทของสหรัฐ และสถาปัตยกรรมในภูมิภาค ในขณะที่มีการรวมตัวและความร่วมมือทางเศรษฐกิจมากขึ้น แต่ในด้านภูมิรัฐศาสตร์กลับเปราะบาง ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งได้ นอกจากนั้น ยังมีความท้าทายต่อความมั่นคงรูปแบบใหม่ๆ รวมถึงอาชญากรรมข้ามชาติ การก่อการร้ายและแนวคิดสุดโต่งรุนแรง โรคระบาด และภัยพิบัติทางธรรมชาติ ไทยสนับสนุนให้ผู้เล่นหลัก โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจ มีปฏิสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดและมีบทบาทสร้างสรรค์ในภูมิภาค และเห็นว่า สหรัฐเป็นหุ้นส่วนสำคัญของอาเซียนในการรักษาเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค

พล.ต.วีรชนกล่าวว่า แนวทางสำคัญในการจัดการกับประเด็นท้าทายต่างๆ คือการเสริมสร้างโครงสร้างสถาปัตยกรรมภูมิภาคที่มีอาเซียนเป็นแกนกลาง โดยอาเซียนสนับสนุนนโยบายปรับสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ซึ่งเน้นบทบาทที่เป็นแกนกลางของอาเซียนในสถาปัตยกรรมภูมิภาค ชื่นชมบทบาทสร้างสรรค์ของสหรัฐ ในกลไกต่างๆ ที่นำโดยอาเซียน เช่น ADMM-Plus (การประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา – ASEAN Defence Ministers Meeting Plus) East Asia Summit – EAS (การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก) และ ARF (ASEAN Regional Forum – การประชุมอาเซียนว่าด้วย ความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก)

รองโฆษกฯ กล่าวว่า สำหรับบทบาทของจีนนั้น ไทยเห็นว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน นอกจากจะกระทบต่อความมั่งคั่งของภูมิภาคแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมืองภายในของจีนได้ด้วย ซึ่งอาจมีนัยยะสำหรับความมั่นคงในภูมิภาคอีกต่อหนึ่ง การยกระดับความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน และโดยการประกาศข้อริเริ่มทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ซึ่งจะมีผลในการยกระดับความสำคัญของจีนทางการเมืองด้วย เช่น AIIB (ธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย) และ นโยบาย One Belt One Road (“หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”) ซึ่งรวมถึงโครงการ New Maritime Silk Road น้ำหนักทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นของจีนทำให้จีนมีความมั่นใจมากขึ้นที่จะดำเนินนโยบายการต่างประเทศเชิงรุก โดยเฉพาะในประเด็นที่จีนถือว่าเป็นผลประโยชน์หลัก ดังนั้น จีนกำลังก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจใหม่ ในขณะที่สหรัฐฯ เป็นมหาอำนาจเดิมซึ่งเป็นเสาหลักในการรักษาเสถียรภาพในภูมิภาค ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศจะเป็นพื้นฐานสำคัญให้สันติภาพและความมั่งคั่งของภูมิภาคยังคงอยู่ต่อไป ทั้งสองฝ่ายต้องสร้างความเข้าใจกันในทุกระดับและพยายามหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด ซึ่งอาจนำไปสู่การกระทบกระทั่งได้ความร่วมมือในกรอบ EAS สหรัฐ สนับสนุนความเป็นแกนกลางของอาเซียนในกระบวนการ EAS และพร้อมที่จะร่วมมือกันเพื่อสานต่อให้ EAS เข้มแข็งยิ่งขึ้น ได้แก่ ทั้งการเตรียมการที่ดียิ่งขึ้น เพื่อให้การหารือภายใต้ EAS สามารถแก้ไขประเด็นท้าทายและใช้โอกาสใหม่ๆ ที่จะเสริมสร้างความร่วมมือ EAS อาจพิจารณากลไกที่จะนำสิ่งที่ผู้นำหารือกันให้เกิดขึ้นในภาคปฏิบัติ การส่งเสริมบรรทัดฐานและค่านิยมร่วมกัน เช่น หลักการของสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (TAC) และปฏิญญาบาหลีเพื่อเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ การประสานงานและหลีกเลี่ยงความซ้ำซ้อนระหว่าง EAS และกรอบความร่วมมืออื่นๆ ที่มีอาเซียนเป็นแกนกลาง เช่น ADMM-Plus และ ARF และการทบทวนสาขาความร่วมมือหลักของ EAS เป็นระยะ เพื่อให้ความร่วมมือของ EAS สะท้อนถึงความสนใจร่วมกันและความท้าทายในปัจจุบันอย่างแท้จริง

ปัญหาในคาบสมุทรเกาหลี ไทยห่วงกังวลต่อการกระทำอันเป็นการยั่วยุของ สปป. เกาหลีครั้งล่าสุด ไทยยึดมั่นข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดอาวุธนิวเคลียร์ ทั้งนี้เราเห็นว่ามาตรการลงโทษต่างๆ แม้จะสะท้อนความจริงจังของประชาคมโลกต่อประเด็นปัญหานี้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็อาจส่งผลให้ สปป. เกาหลีโดดเดี่ยวมากขึ้น และหลีกห่างจากหลักปฏิบัติสากลที่ประชาคมโลกต้องการให้ สปป. เกาหลีเข้าใจและยอมรับ นอกจากนี้ ยังไม่สามารถเป็นหลักรับประกันได้ว่า สปป. เกาหลีจะไม่ดำเนินการยั่วยุในอนาคตอีก ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขความตึงเครียดโดยสันติวิธี อย่างไรก็ตาม อาเซียนจำเป็นต้องรักษาช่องทางสื่อสารกับ สปป.เกาหลี โดยสนับสนุนให้ สปป. เกาหลีเข้าร่วม การประชุม ARF และกิจกรรม Track II ให้มากที่สุด เพราะจะเป็นโอกาสให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้พูดคุยประเด็นห่วงกังวล รวมถึงจะช่วยเสริมสร้างบรรยกาศที่เอื้อต่อการเจรจาหารืออย่างสันติ ทุกรูปแบบ รวมถึงการเจรจา 6 ฝ่ายด้วย
ความร่วมมือด้านการพัฒนา ไทยสนับสนุนและพร้อมร่วมมือกับนานาประเทศในการนำวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 ไปปฏิบัติ และมีส่วนร่วมในการติดตามและทบทวนผลระดับโลก ภูมิภาค และประเทศอย่างสร้างสรรค์ และสานต่อ MDGs ที่ยังไม่บรรลุเป้าหมาย และการรับมือกับสิ่งท้าทายที่โลกกำลังเผชิญ เช่น ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ วิกฤตเศรษฐกิจ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ โรคภัยใหม่ๆ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ประเด็นที่ไทยมีบทบาทนำในเวทีสหประชาชาติได้แก่ บทบาทสตรีและกลุ่มที่เปราะบาง ประเด็นสุขภาพ เช่น ระบบการประกันสุขภาพถ้วนหน้า (Universal Health Coverage – UHC) การส่งเสริมสิทธิมนุษยชน และหลักนิติธรรม การลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ และการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ

พล.ต.วีรชนกล่าวว่า นอกจากนี้ ไทยยังต้องดำเนินงานเพื่อบรรลุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ.2030 ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง สอดคล้องกับการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเน้นการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน เช่น ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ เป็นต้น ไทยให้ความสำคัญกับการมีบทบาทเป็นผู้สร้างสะพานเชื่อมฝ่ายต่าง ๆ (bridge builder) ที่ไทยยึดถือมาโดยตลอด คือ การไม่แบ่งแยกระหว่างกลุ่มประเทศกำลังพัฒนากับประเทศพัฒนาแล้วเพื่อบรรลุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยไทยมุ่งเน้นที่จะวางรากฐานที่เข้มแข็งเพื่อนำไปสู่การอนุวัติ การติดตาม และการทบทวนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ.2030 และวาระปฏิบัติการแอดดิสอาบาบาว่าด้วยการระดมทุนเพื่อการพัฒนา นำเสนอแนวทางเลือกสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับประเทศกำลังพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และ ส่งเสริมความเข้มแข็งของความร่วมมือใต้ – ใต้ (South-South Cooperation) ไทยในฐานะพันธมิตรที่ใกล้ชิดและยาวนานของสหรัฐ พร้อมที่จะร่วมมือกับสหรัฐ และทุกประเทศในภูมิภาคร่วมกันรักษาเสถียรภาพและเสริมสร้างความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค และยืนยันที่จะมีบทบาทแข็งขันในอาเซียน และเชื่อว่าสหรัฐ จะเข้าใจและสนับสนุนการเสริมสร้างความเข้มแข็งของไทยและอาเซียนต่อไป