‘พิธา’ มั่นใจเสียง ส.ว.หนุนพอนั่งนายกฯ คาดจะใช้บรรทัดฐานเดียวกับปี’62 ขออย่าฝืนมติ ปชช. ไม่กังวลศาล รธน.สั่ง อสส.แจงคำร้อง ม.112
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะ ส.ส.ของพรรค จำนวน 150 คน เดินทางเข้ารายงานตัว ส.ส.ต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยนายพิธากล่าวก่อนการเข้ารายงานตัวถึงการที่ได้ ส.ส.มากกว่าการเลือกตั้งครั้งที่แล้วว่า โดยรวมเพิ่มขึ้น 2 เท่า สิ่งที่สำคัญคงไม่ใช่เรื่องของตัวเลข แต่เป็นเรื่องของการทำงานที่มีความตั้งใจที่จะเป็น ส.ส.ให้สมกับที่ได้รับเลือกมา มีกฎหมายก้าวหน้าสำคัญๆ สำหรับพี่น้องประชาชนหลายๆ รูปแบบอยู่ ไม่ว่าจะเป็น LGBTQ+ ชาติพันธุ์ คนพิการ เอสเอ็มอี หรือแรงงาน เป็นกฎหมายที่รอเราอยู่ และมีหลายเรื่องที่พยายามจะทำในสภาชุดที่แล้วแต่ก็ถูกปัดตกไป คราวนี้ก็หวังว่าจะทำให้ระบบนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารสามารถที่จะแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้จริงๆ
นายพิธากล่าวต่อว่า ที่เดินทางมารายงานตัวในวันนี้เนื่องจากติดโควิด-19 ทำให้มารายงานตัวก่อนหน้านี้ไม่ได้ เมื่อแข็งแรงขึ้นจึงเลือกวันนี้ 27 มิถุนายน ก็มีความสำคัญกับประวัติศาสตร์ชาติไทยพอสมควร เป็นนิมิตหมายที่ดี
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่มี ส.ว.หลายคนออกมาระบุว่าจะไม่โหวตเลือกนายพิธาเป็นนายกฯ นายพิธากล่าวว่า ไม่กังวลใจ เท่าที่มีโอกาสได้พูดคุยกับ ส.ว.ก็มีหลายท่านที่มีดุลพินิจและหลักการที่จะใช้ในการโหวตเลือกตามบรรทัดฐานที่เคยทำไว้ในปี 2562 ที่เคยพูดไว้ว่า ถ้าใครที่รวมเสียงในสภาล่างได้เกิน 250 เสียง ก็ไม่อยากจะฝืนมติของสภาล่าง ซึ่งเป็นมติที่มาจากประชาชนอีกที ดังนั้น ถ้าบรรทัดฐานเป็นเช่นนั้นแล้ว โดยภาพรวม ส.ว.ทั้ง 250 คน น่าจะเป็นไปตามหลักการ เชื่อว่า ส.ว.น่าจะยึดให้มั่น ไม่ใช่เรื่องของบุคคลว่าจะโหวตหรือไม่โหวตนายพิธา ถ้ายึดหลักการให้มั่นก็ไม่มีอะไรน่ากังวลใจ
เมื่อถามถึงกรณี นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา ออกมากล่าวว่ามี ส.ว.เพียง 5 คนที่จะโหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯนั้น นายพิธากล่าวว่า ต้องยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่าสิ่งที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค เคยพูดไว้เป็นเรื่องจริง เราทำงานเต็มที่ที่จะพยายามทลายกำแพง และสร้างความเข้าใจระหว่าง 2 สภา เป็นเรื่องจริงที่ว่ามีความคืบหน้าขึ้นเรื่อยๆ ส.ว.ไม่ได้มีโอกาสพูดกับสื่อทุกคน ไม่ว่าจะเป็นฝั่งที่เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย เมื่อถามย้ำว่าสามารถระบุเป็นตัวเลขได้หรือไม่ว่า ส.ว.ที่สนับสนุนมีจำนวนเท่าไหร่ นายพิธากล่าวว่า เพียงพอกับการที่ตนเป็นนายกฯ
นายพิธากล่าวกรณีขณะที่เจรจากับ ส.ว.นั้นได้มีการชี้แจงด้วยหรือไม่ในการแก้ไขมาตรา 112 ว่าหลายๆ เรื่องที่เป็นข้อกังวลใจส่วนใหญ่แล้วเราจะพูดในเรื่องของหลักการ ซึ่งหลักการขณะนี้และปี 2562 คงจะเป็นสิ่งเดียวกัน
เมื่อถามว่าจะมีการลดเพดานในการแก้ไขมาตรา 112 เพื่อแลกกับเสียงสนับสนุนของ ส.ว.ที่จะเพิ่มขึ้นหรือไม่ หรือจะแก้ไขตามที่เคยหาเสียงกับประชาชนไว้ นายพิธากล่าวว่า การแก้ไขมาตรา 112 เป็นสิ่งที่เราพูดไว้ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งในเกือบทุกเวทีดีเบต และได้พูดชัดเจนตกผลึกว่า การแก้ไขมาตรา 112 น่าจะเป็นทางออกให้กับสังคมไทย ในช่วงที่ผ่านมามาตรา 112 ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการรังแกคนเห็นต่างรวมทั้งเยาวชน ซึ่งไม่ได้เป็นผลดีกับสถาบันใดเลย
“และการที่เราจะเก็บรักษาสิ่งที่เรารักต้องมีการแก้ไขตามบริบทสังคมที่เปลี่ยนไป ตรงนี้คงไม่ได้เป็นประเด็นที่ทำให้เส้นทางการตั้งรัฐบาลสะดุดลง แต่เมื่อมีข้อมูลจากหลายฝ่ายอาจจะทำให้คนเข้าใจผิด แก้ไขก็คือแก้ไข ไม่ใช่ยกเลิก” นายพิธากล่าว และว่า เท่าที่คุยกับหลายฝ่ายก็ทำให้เขาเข้าใจมากขึ้น ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคแต่อย่างใด
เมื่อถามว่าหากมีเงื่อนไขที่ทำให้นายพิธาไปไม่ถึงการเป็นนายกฯ จะทำอย่างไร นายพิธากล่าวว่า เป็นสิ่งที่น่ากังวลใจ เพราะเหมือนกับการเอาเสียงที่มาจากการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชน มาปะทะกับสถาบันโดยตรง เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมและอันตราย เพราะฉะนั้นอย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง เพราะมีหลายเรื่องที่เราเห็นตรงกันที่จะต้องบริหารจัดการ ทั้งในเรื่องของนิติบัญญัติและรัฐสภา
เมื่อถามถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้สอบถามอัยการสูงสุดว่ามีคำสั่งรับหรือไม่รับดำเนินการตามคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตทนายความของพระพุทธะอิสระ ให้ระงับนโยบายยกเลิกมาตรา 112 โดยให้แจ้งกลับศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นายพิธากล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลใจแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องระหว่างศาลรัฐธรรมนูญและอัยการสูงสุด การแก้ไขกฎหมายกฎหมายหนึ่งไม่เท่ากับการล้มล้างการปกครองอย่างที่กล่าวหา และเป็นข้อกล่าวหาที่เกินจริงไปมาก เรามีความตั้งใจที่จะรักษาประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นี่เป็นหลักที่เรายืนอยู่
เมื่อถามต่อว่ากรณีข้างต้นเกิดขึ้นก่อนจะมีการโหวตเลือกนายกฯ จะมีการชี้แจงให้ ส.ว.ไม่นำเรื่องนี้มาเป็นเงื่อนไขอย่างไรบ้าง นายพิธากล่าวว่า มีการอธิบายกันอยู่เรื่อยๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่ปรากฏในข่าว ว่ามีการนำเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 เป็นข้ออ้างในการที่จะไม่ทำตามมติของสภาล่าง
เมื่อถามถึงตำแหน่งประธานสภา พรรคก้าวไกลยังยืนยันหรือไม่ว่าเก้าอี้ประธานสภาต้องเป็นของพรรคอันดับ 1 นายพิธากล่าวว่า รอประชุมกับทางพรรคเพื่อไทย (พท.) ในวันพรุ่งนี้ (28 มิถุนายน) และรอแถลงร่วมกัน