ประภาส แนะสร้างจารีต ‘เก้าอี้ ปธ.’ ของพรรคยืนหนึ่ง ถ้ามองแค่ ‘ความเก๋าเกม’ หัวหน้าชั้นปีก็เป็นได้

วันที่ 28 มิถุนายน 2566 - 16:58 น.

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน สืบเนื่องกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) ประกาศยึดสูตร 14+1 คือ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้เก้าอี้รัฐมนตรี 14 ที่นั่ง และนายกรัฐมนตรี 1 ที่นั่ง ส่วน พท. ได้เก้าอี้รัฐมนตรี 14 ที่นั่ง และ 1 เก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ต่อมา ก.ก.ได้แจ้งขอยกเลิกกำหนดการประชุมร่วม กะทันหันในช่วงกลางดึกวานนี้ (27 มิ.ย.) นั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รศ.ดร.ประภาส ปิ่นตบแต่ง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กถึง คุณสมบัติของประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยระบุว่า

1.ประธานสภาผู้แทนราษฎร ควรสร้างจารีตให้พรรคที่ได้เสียงมากที่สุดดำรงตำแหน่งเพื่อเป็นแนวปฏิบัติสำหรับระบอบประชาธิปไตย ในระบอบรัฐสภา

2.ความรู้ความสามารถของประธานสภา ไม่ควรพิจารณาแค่เรื่อง “ความเก๋าเกม” การควบคุมบริหารการประชุม ฯลฯ คุณสมบัติแบบนี้ หัวหน้าชั้นปี หัวหน้าเชียร์ในมหาวิทยาลัย มาเป็นก็ได้ดีกระมัง เพราะสภา มีกฎระเบียบ มารยาท มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ฯลฯ ประธานสภา สามารถใช้กลไกการบริหารเหล่านี้ในการจัดการประชุมให้ราบรื่นได้

3.วิสัยทัศน์ของประธานสภา ที่ควรพิจารณาคือ การหนุนเสริมกระบวนการออกกฎหมายที่มีประสิทธิภาพ สภาสมัยใหม่ต้องการสร้างกลไกรองรับการมีส่วนร่วมของประชาชน เช่น ต้องไม่สร้างข้อจำกัดโดยตีความเป็นกฎหมายการเงิน แล้วส่งไปให้นายกฯ เห็นชอบซึ่งส่วนใหญ่จะปัดตก

4.สภาผู้แทนต้องขยายการเมืองแบบตัวแทน สู่การถ่ายโอนอำนาจลงไปสู่ประชาชนใช้ทางตรงมากยิ่งขึ้น เช่น กระบวนการเข้าชื่อเสนอโดยประชาชน ต้องพิจารณากฎหมายที่เข้าชื่อได้อย่างกว้าง ไม่ใช่จำกัดแต่บทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับหมวด 3 และหมวด 5 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่มาตราเท่านั้น เช่น การเข้าชื่อเสนอกฎหมายโดยประชาชนแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยตรง (อย่างมาก) แต่ที่ผ่านมาประธานสภาผู้แทนวินิจฉัยตีตก รวมทั้งร่างกฎหมายอีกหลายๆ ฉบับด้วย

5.สภาผู้แทนควรมีกลไกการหนุนเสริมกระบวนการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ซึ่งเคยใช้สภาพัฒนาการเมือง คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ฯลฯ

6.ประธานสภาผู้แทนควรมีวิสัยทัศน์และจินตนาการปรับปรุงกลไกคณะกรรมาธิการ ให้ทำงานหนุนเสริมกระบวนการรวบรวมปัญหาและเชื่อมโยงมาสู่การออกกฎหมาย (ไม่ใช่กลายเป็นที่หารายได้วิ่งกันลงนามรับเบี้ยประชุมวันละหลายชุด ฯลฯ)