เมื่อวันที่ 18 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) จะยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมสรรพากร เรื่องขอให้ตรวจสอบติดตามเพื่อประเมินเรียกเก็บภาษีเงินได้จากผู้ที่รับเงิน จาก สสส.และดำเนินคดีอาญากับบุคคลที่มีพฤติการณ์หลบเลี่ยงภาษี โดยหนังสือระบุว่าได้พบข้อมูลว่าบุคคลบางกลุ่มที่รับเงินอุดหนุนจาก สสส.ซึ่งถือเป็นผู้มีเงินได้พึงประเมิน มีพฤติการณ์จะหนีภาษีโดยการบิดเบือนรายได้จากการรับจ้างทำของเป็นรายได้ในฐานะตัวแทนที่ได้รับจากตัวการ
โดยมีความพยายามอ้างว่าเงินได้ของผู้รับเงินอุดหนุนตามข้อตกลงซึ่งมีการเบิกจ่ายตามงวดงานเป็นเงินในลักษณะตัวแทนที่ได้รับมาจากตัวการจึงไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษี ทั้งนี้ หากพิจารณาจากงบการเงินของ สสส.ที่ผ่านการตรวจสอบและรับรองจาก สตง.แล้วจะเห็นว่าค่าใช้จ่ายอุดหนุนโครงการไม่ใช่เงินที่จ่ายในลักษณะตัวแทนแต่อย่างใดเพราะถ้าเป็นลักษณะตัวแทน สสส.จะต้องนำเอกสารการจ่ายเงินของผู้รับเงินอุดหนุนทุกราย มาบันทึกในสมุดบัญชีของ สสส.แยกประเภทแต่ละรายการว่าเป็นค่าใช้จ่ายประเภทใด
นายเรืองไกรระบุว่า เว็บไซต์ของ สสส.มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับประกาศราคากลางการจัดซื้อจัดจ้างไว้อย่างเปิดเผยแสดงให้เห็นว่าผู้รับเงินอุดหนุนย่อมเป็นผู้มีเงินได้จาก สสส.ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษี ไม่เช่นนั้นจะเป็นการหนีภาษีและอาจทำให้ถูกมองว่าวัตถุประสงค์ของ สสส.เพื่อเสริมสร้างสุขภาพแต่ผู้รับเงินอุดหนุนจาก สสส.มีพฤติการณ์เอาเปรียบสังคมและทำให้สังคมตั้งคำถามว่าทำไมโครงการ สสส.จึงปล่อยให้มีการหนีภาษี จึงขอให้ตรวจสอบติดตามเพื่อประเมินเรียกเก็บภาษีจากผู้มีเงินได้พึงประเมินที่รับเงินจาก สสส.และดำเนินคดีอาญากับบุคคลที่มีพฤติการณ์หนีภาษีต่อไปโดยขอให้กรมสรรพากรเข้าตรวจสอบเอกสารทางบัญชีที่เกี่ยวกับการจ่ายเงินอุดหนุนทั้งหมดของ สสส.
และเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ปีที่เริ่มดำเนินการเพื่อหาข้อเท็จจริงว่ามีการไม่เสียภาษีให้รัฐตั้งแต่เมื่อใด ทำให้รัฐสูญเสียรายได้เป็นจำนวนเท่าใดและจัดเก็บภาษีรวมเบี้ยปรับเพิ่มได้จำนวนเท่าใดและมีบุคคลใดมีพฤติการณ์หนีภาษีหรือช่วยให้มีการหนีภาษีที่เข้าข่ายต้องดำเนินคดีอาญาหรือไม่และขอให้ส่งผลการตรวจสอบไปยัง สตง.และ ศอตช.เพื่อประกอบการพิจารณาผลการทำงานของ สสส.ต่อไป
