อาสาสมัครศูนย์ทนายฯ เอะใจ ‘คดีการเมือง’ ตีความแปลก? เดี๋ยวได้ประกัน เดี๋ยวถูกถอน คาใจ ขังไว้ก่อนไม่ให้ทนายเข้า
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ GalileOasis เขตราชเทวี กรุงเทพฯ มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (Thai Volunteer Service) จัดกิจกรรม “Light of Rights แสง-สร้าง-สิทธิ” เพื่อบทสรุปการเรียนรู้ประเด็นทางสังคมของอาสาสมัครนักสิทธิมนุษยชนรุ่น 17
เวลา 13.10 น. แก้วใส สามัญชน ร่วมแสดงดนตรี พร้อมศิลปะการแสดงสด Performance Art
บรรยากาศเวลา 14.10 น. มีกิจกรรมเสวนาในหัวข้อ “คนรุ่นใหม่กับการปกป้องสิทธิมนุษยชน” โดยมีอาสาสมัครนักสิทธิที่ทำงานร่วมกับองค์กรภาคประชาสังคม ร่วมล้อมวงแชร์ประสบการณ์ อาทิ น.ส.กัญญ์วรา หมื่นแก้ว, น.ส.นันท์ธีรา ดารารัตน์, น.ส.ชนัตตา บิลม่าหลี และนายสิทธิพัฒน์ ทองสุข ดำเนินรายการโดย น.ส.จิดาภา เอกอัคร หรือผึ้ง
ในตอนหนึ่ง นายสิทธิพัฒน์ ทองสุข หรือแจ๊ค กล่าวถึงการทำงานร่วมกับศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนว่า ตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบันมี 1,200 กว่าคดี ตอนนี้ยังค้างอยู่ประมาณ 800 กว่าคดี ทั้งหมดเป็นคดีเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ลงโซเชียล การชุมนุมบนท้องถนน ซึ่งถือเป็นความท้าทาย เนื่องจากมีคดีทางการเมืองเยอะ แต่บุคลากรที่ช่วยเหลือไม่เพียงพอมากนัก
“มีการกลั่นแกล้งจากกลุ่มที่เห็นต่างทางการเมือง สมมุติคนอยู่เหนือ ไปฟ้องที่ใต้ คนอยู่ใต้ไปฟ้องที่เหนือ มีการดักทำร้ายคุกคามจากภาครัฐ ไปขู่โดยไม่มีหมาย ไม่ทำตามกฎหมายที่ถูกต้อง ตีความกฎหมายกว้างเกินกว่าที่ควรจะเป็น มีการตัดสินคดีที่ยังไม่แล้วเสร็จแต่ก็ไม่ได้ประกันตัว และยังไม่มีแนวโน้มที่จะได้ประกันตัวในคดี
มีข้อสังเกตนิดนึง บางกรณีคำร้องเดิมยื่นไป สักพักนึงก็ได้ประกัน สักพักก็ไม่ได้ประกัน หรือโดนไต่สวนถอนประกัน มีเหตุการณ์ที่น่าสังเกตมากมายว่ามีความผิดปกติของการตีความ การบังคับใช้ฎหมายตรงนี้” นายสิทธิพัฒน์กล่าว
เมื่อพิธีกรถามว่า ลงพื้นที่บ่อยหรือไม่?
นายสิทธิพัฒน์เผยว่า อย่างการไปประชุมเอเปค ไปหน้างานเห็นการทำร้ายจากเจ้าหน้าที่รัฐ สลายการชุมนุมไม่ชอบธรรม มีเหตุจับกุมยามวิกาล ถูกจับไว้ไม่ให้ทนายความเข้าไปร่วม
“เหมือนขังไว้ไม่ให้ทนายเข้า คือข้อผิดพลาดในการบังคับใช้กฎหมาย และบุคคลที่บังคับใช้ไม่เป็นธรรม” นายสิทธิพัฒน์กล่าว
ยังมีความหวังเรื่องการปกป้องสิทธิมนุษยชนในอนาคต?
นายสิทธิพัฒน์กล่าวว่า ตนยังคงมีความหวังขึ้นเรื่อยๆ ขั้นต่ำ อยากให้กฎหมายเท่ากับความยุติธรรม ตามวัตถุประสงค์ของกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชนคือหลักการขั้นพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับ อยากให้กฎหมายทุกตัวไม่ขัดกับหลักนี้
“ความหวังอย่างสูงก็คือทุกคนเข้าใจและตระหนักในประเด็นสิทธิ ทั้งผู้มีอำนาจและประชาชนด้วยกันเอง อยากให้ทุกคนมีความรู้ กฎหมายที่นำมาใช้ในบ้านเมืองอยากให้ยึดหลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานเป็นที่ตั้ง” นายสิทธิพัฒน์เผย
นายสิทธิพัฒน์กล่าวว่า อยากให้ผู้ใหญ่เข้ามารับฟังความรู้สึก รับฟังปัญหา ตั้งคำถาม ชวนคิด
“มันไม่มีเหตุปกติจริงๆ ในบ้านเมืองหรือ ดีกว่านี้ได้หรือไม่ แค่ลองรับฟังไม่ต้องเชื่อก็ได้ แต่อยากให้รับฟังว่ามันเกิดอะไร ว่าคนที่ออกมาแสดงออก ประท้วง ไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล ว่าเขาคิดอะไร อยากเห็นบ้านเมืองไปในทางที่แย่ลงจริงๆ หรือ ทุกคนล้วนหวังดีกับประเทศชาติบ้านเมืองทั้งนั้น อยากให้ลองฟัง” นายสิทธิพัฒน์กล่าว
