ส.ว. ‘พิสัณห์’ ชัดเจนไม่เอาก้าวไกลเข้าไปแก้ ม.112 แย้ม ‘เศรษฐา’ เหมาะสม

ส.ว. ‘พิสัณห์’ ชัดเจนไม่เอาก้าวไกลเข้าไปแก้ ม.112 แย้ม ‘เศรษฐา’ เหมาะสม

ความเคลื่อนไหวการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ทำโดยสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) 500 คน และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คน รวม 750 คน ผู้จะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่ง คือ 376 คน ซึ่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลที่ได้อันดับ 1 จากการเลือกตั้งคือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แม้รวมเสียง ส.ส. 8 พรรคพันธมิตรได้ 312 เสียง แต่ก็ต้องการเสียงเพิ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียงจาก ส.ว.

“ส.ว.เจี๊ยบ” พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก อดีตเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันเป็น 1 ใน 250 ส.ว.ที่มีสิทธิโหวตในวันที่ 13 กรกฎาคม เปิดเผยว่า ยังมีเวลา มีข้อมูลอีกเยอะที่้ต้องรวบรวม จะพิจารณาจากอดีตมาทั้งหมด ส่วนปัจจัยในการตัดสินใจนั้น การแก้มาตรา 112 ถ้าศาลรัฐธรรมนูญบอกแก้ไม่ได้ก็จบประเด็น เพียงแต่ว่าเบื้องหลังพรรคก้าวไกลมองว่ามี ส.ส.บางคนอยู่เบื้องหลังม็อบ ที่อาจมีเนื้อหาน่ากังวล แกนนำก็พูดเรื่องนี้เยอะ ตนคิดว่าอาจจะใช่ในอนาคต แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ตนเป็นข้าราชการเก่า เป็นราชองครักษ์ ถ้าแสดงความไม่จงรักภักดี ก็ไม่เอาด้วย ไม่ได้หวั่นไหวที่จะกลัวม็อบ ทำตามหน้าที่ ข้อมูลที่มีอาจมากกว่าคนทั่วไป

ส.ว.เจี๊ยบกล่าวต่อไปว่า ตนไม่ได้คุยกับนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แต่ก็ฝากบอกอดีต ส.ส.ก้าวไกล ที่เป็นเพื่อนกันว่าให้เบาๆ หน่อยเรื่อง 112 ส่วนทิศทาง ส.ว.ทั้งหมดก็ยอมรับว่าไม่รู้จริงๆ ทางก้าวไกลบอกรวมได้แล้วก็อาจเป็นไปได้ เรารู้แต่เรา คนอื่นไม่รู้ อาจจะคนละมุมมองกัน แต่สมมุติตนไม่ได้โหวตพิธา ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเอาฝั่งรัฐบาลเก่า เพราะถือเป็นเสียงข้างน้อย ตั้งมาก็พัง เลือกตั้งใหม่ ต้องคิดด้วยว่ารัฐบาลอยู่ยาวไหม

Advertisement

“ถ้าเราไม่โหวตพิธาก็ไม่ใช่จะโหวตรัฐบาลเก่า ชู 2 ลุง ก็ไม่เอาด้วยหรอก เพราะไม่มั่นคง ต้องดูไม่ให้ประเทศชาติเสียหาย ส่วนนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย ถ้ารวบรวมได้ก็เหมาะสม เพราะไม่ก้าวล่วง แต่เรื่องการจัดตั้งรัฐบาลผมจะไม่แสดงความเห็นแนะนำอะไร ว่าใครจับกับใครไม่เอาใคร เป็นเรื่องของพรรค” ส.ว.เจี๊ยบกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image