ปชป.ซัดกันนัว ปม สัดส่วนเลือกหัวหน้าพรรค “อภิสิทธิ์” ระบุ ขอให้ภูมิใจกับทุกข์ที่เกิดขึ้น ชี้ พรรคอื่นไม่มีแบบนี้ ยันเขียนตามวิวัฒนาการสถานการณ์ต่างๆ
เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม รายงานข่าวจากที่ประชุมวิสามัญประจำปีพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งว่า ในช่วงที่เป็นการประชุมลับ เพื่อพิจารณาญัตติที่นายสาธิต ปิตุเตชะ รักษาการรองหัวหน้าพรรค เสนอขอให้มีการยกเว้นข้อบังคับข้อที่เกี่ยวกับสัดส่วนน้ำหนักสัดส่วน 70:30 ในการเลือกหัวหน้าพรรคนั้น ได้มีสมาชิกลุกขึ้นแสดงความคิดเห็น ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับญัตติดังกล่าว อาทิ พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.สงขลา ลุกขึ้นอภิปรายว่า ส.ส.แต่ละคนที่ได้มานั้น เหนื่อยมาก และทุกคนเห็นว่าตอนนี้เป็นโอกาส หนึ่งในหลายๆ สาเหตุที่เราแพ้การเลือกตั้ง ส่วนหนึ่งเพราะสาขาพรรคจำนวนมากไม่ได้รับการดูแล ตนจึงอยากเข้าไปเป็นกรรมการบริหารพรรค เพื่อจะได้ดูแลสาขาพรรค สำหรับกรณีของข้อ 87 นี้ ใช้มาตลอด แต่ผู้ที่เสนอญัตติไม่ได้เป็นส.ส.ก็บอกว่าไม่ใช้ข้อนี้แล้ว
“อยากให้ผู้ที่เสนอญัตติให้น้ำหนักแก่คนที่ได้เป็น ส.ส.บ้าง ซึ่ง ส.ส.มีหลายคนที่เป็นคนหนุ่มสาว พวกเขาจะได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงในพรรค แต่ถ้าพรรคเรายังไม่มีการเปลี่ยนแปลง อาจกลายเป็นพรรคต่ำสิบ จึงอยากให้พรรคมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อจะได้มีคนใหม่ๆ เข้ามา” พล.ต.ต.สุรินทร์กล่าว
นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ อดีต ส.ส.ระยอง กล่าวว่า ส.ส.ปัจจุบันมี 25 คน ขณะที่องค์ประชุมทั้งหมดมี 275 คน ตนคิดว่าสัดส่วน 70:30 ไม่เหมาะสม แม้ตนไม่สามารถฝ่าฟันเข้าไปเป็น ส.ส.ได้ แต่ก็อยากร่วมถอดบทเรียนเพื่อมาช่วยการพัฒนาพรรคให้กลับมาได้รับความนิยมอันดับ 1 และเป็นสถาบันที่แข็งแรงและมั่นคงได้ในอนาคต
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. กล่าวว่า อยากให้คนที่เป็น ส.ส.คิดถึงเสียงของประชาชน และสาขาพรรคทั้งหมดเพราะเขาก็ทำงานหนัก มีใจที่ช่วยเหลือและดูแลพรรค จึงไม่เห็นด้วยกับการให้น้ำหนัก ส.ส.มากกว่า ทั้งที่เวลาไปหาเสียงเราบอกว่าพรรคเรามีความเสมอภาค และการที่บอกว่าคนที่เป็น ส.ส.ทำงานหนัก เหนื่อยนั้น เผลอๆ คนที่ไม่ได้เป็น ส.ส.เหนื่อยมากกว่าพวก ส.ส. และบางคนได้รับเลือกเป็น ส.ส. เพราะปัจจัยอื่นก็ได้ แต่สำหรับตนไม่ได้รับเลือกเป็น ส.ส. เพราะไม่ได้มีปัจจัยอื่นมาช่วย ตนจึงขอสนับสนุนญัตติของนายสาธิต
นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า การจะแก้ไขข้อบังคับพรรค ต้องทำในที่ประชุมใหญ่ แต่ถ้ามาแก้เฉพาะกิจอย่างนี้ ตนไม่เห็นด้วย และถ้าบอกว่าเห็นคุณค่าของสาขาพรรค เราต้องเห็นคุณค่าของสาขาพรรคทุกวันทุกเวลา สาขาพรรคต้องได้รับการดูแลเท่าเทียม ไม่ใช่เห็นคุณค่าเฉพาะวันที่คุณต้องการเขา
นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค กล่าวว่า วันนี้พรรคมีความชัดเจนว่ามีปัญหาความขัดแย้ง ทำให้ตนมีความเป็นห่วงพรรค การที่จะยกเว้นหรือไม่ยกเว้นข้อบังคับที่เสนอมา ก็อาจจะทำให้พรรคเกิดปัญหาทั้งนั้น ตนคิดว่าการจะมายกเว้นข้อบังคับตอนนี้ทำให้เกิดปัญหาคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งแม้ในข้อบังคับพรรค จะมีการระบุข้อยกเว้นไว้ ก็ควรใช้ข้อยกเว้นนั้นในกรณีที่สามารถแก้ปัญหาในพรรคได้หรือเป็นประโยชน์กับพรรค แต่ถ้าข้อยกเว้นข้อไหนทำให้เกิดปัญหาเพิ่ม เกิดความคิดเห็นแตกแยกก็ทำให้เกิดการทะเลาะกัน ซึ่งไม่ได้สร้างประโยชน์
“แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับสัดส่วน 70:30 ก็ไม่เห็นด้วยที่มาขอยกเว้นตอนนี้ แต่ควรนำไปพิจารณาร่วมกันในที่ประชุมใหญ่ของพรรคภายหลังเพื่อให้สมาชิกทุกคนได้มีส่วนร่วมพิจารณาสัดส่วนที่เหมาะสมจะถูกต้องกว่า และจะไม่ทำให้เกิดปัญหาในพรรค หากปล่อยให้มีการยกเว้นในวันนี้แล้วมีคนได้ประโยชน์จะมีคนเอาไปพูดว่า วันนี้เขาได้วันหลังเราต้องได้บ้าง เป็นปัญหาและสุดท้ายก็จะไปไม่รอดทั้งหมด” นายเทอดพงษ์กล่าว
นายเทอดพงษ์กล่าวต่อว่า ตนไม่รู้ว่าใครจะเป็นหัวหน้าพรรค แต่ขอให้ทกคนให้ความร่วมมือกับหัวหน้าพรรคและ กก.บห.ชุดใหม่เพื่อให้งานของพรรคเดินต่อได้ แต่ถ้าไม่ร่วมมือกันจะเกิดความวุ่นวายทั้งภายในพรรคและคนข้างนอกก็จับตามองประชาธิปัตย์อยู่ การมาใช้ลูกเล่นต่างๆ อย่างที่กำลังทำอยู่ตอนนี้มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ จึงขอให้คนที่เป็นองค์ประชุมตัดสินเองว่าใครเหมาะสมมาทำหน้าที่หัวหน้าและ กรรมการบริหารพรรค เลิกสนใจคนที่มาล็อบบี้ ตนเชื่อว่าเราจะได้คนที่ดีและสามารถมาแก้ปัญหาของพรรคได้
ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อที่ประชุมเช่นกัน ว่าโดนพาดพิงเกี่ยวกับการงดเว้นข้อบังคับที่ตนเองเป็นคนเขียนเอง ซึ่งได้ชี้แจงว่าเขียนตามวิวัฒนาการสถานการณ์ต่างๆ ทั้งสถานการณ์ทางการเมือง การบริหารจัดการพรรค และกฎหมายพรรคการเมือง
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ขอให้สมาชิกพรรคภูมิใจกับความทุกข์ที่เกิดขึ้นในการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคที่เกิดขึ้น เพราะเป็นเพียงพรรคเดียวที่ทุกข์ได้แบบนี้ พรรคอื่นไม่มีแบบประชาธิปัตย์
