ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
คอลัมน์หน้า 3 – พันธมิตร แนวร่วม ของ ก้าวไกล เพื่อไทย มาจาก ประชาชน
มีความต้องการ “แยก” ความเป็นพันธมิตรระหว่างพรรคเพื่อไทยออกจากพรรคก้าวไกลอย่างมีจังหวะก้าว อย่างมีการบริหารจัดการ
ไม่ว่าจะจาก “ประยุทธ์” ไม่ว่าจะจาก “ประวิตร”
เห็นได้ชัดจากการใช้กลไกแห่ง “รัฐธรรมนูญ” การใช้บทบาทของ “องค์กรอิสระ” มาเป็นอาวุธ มาเป็นเครื่องมือ
สร้างความ “ระแวง” ก่อให้เกิด “ความร้าวฉาน”
เมื่อประสานกับ “เครือข่าย” ที่มีการจัดตั้ง ที่มีการจัดวางอย่างเป็นระบบ ก็สัมผัสได้ในบทบาทแบบ “เสี้ยม”
แทรกซึมผ่าน “ติ่ง” ของแต่ละฟาก “ฝ่าย”
กระนั้น เมื่อติดตามแต่ละจังหวะก้าวไม่ว่าจะจากพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะจากพรรคก้าวไกล ยิ่ง “เสี้ยม” กลับยิ่งก่อให้เกิด “ความกระชับ”
ดำเนินไปในแบบ “มัดหวาย” อันแข็งแกร่ง มั่นคง
ที่สภาพของความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลแปรเปลี่ยนเป็นตรงกันข้ามกับเจตนาและความต้องการ
ไม่ว่าของ “ลุงตู่” ไม่ว่าของ “ลุงป้อม”
ปัจจัยสำคัญอันก่อให้เกิดการพลิกผันในแต่ละก้าวย่างของสถานการณ์ก็เนื่องมาแต่ผลของ “การเลือกตั้ง”
ที่เชื่อว่าชัยชนะจะเป็นของ “เพื่อไทย” กลับเป็นของ “ก้าวไกล”
ที่เชื่อว่านายกรัฐมนตรีน่าจะเป็นหากมิใช่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก็เป็น นายเศรษฐา ทวีสิน
กลับกลายเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ปัจจัยอันแหลมคมมากยิ่งกว่านั้นก็คือ เจตจำนง “ร่วม” ของประชาชนอันแสดงออกผ่าน “การเลือกตั้ง”
คือมัด “เพื่อไทย” เข้ากับ “ก้าวไกล”
หากประเมินผ่านบทสรุปอันเหมือนกับจำยอมที่ว่าเป็นกระบวนการ “คลุมถุงชน” แต่ก็สะท้อนความเป็นจริงในทางการเมือง
ความเป็นจริงที่พรรคก้าวไกล คือ “ความหวัง”
ความเป็นจริงที่พรรคก้าวไกลมิอาจดำเนินการได้โดยเอกเทศ หากแต่จำเป็นต้องอาศัยใบบุญของพรรคเพื่อไทย
คำถามอันแหลมคมที่เกิดขึ้นโดยฉับพลัน
นั่นก็คือ ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล เป็นพรรคก้าวไกลต้องพึ่งพิงพรรคเพื่อไทย หรือพรรคเพื่อไทยต้องพึ่งพิงพรรคก้าวไกล
เหมือนกับพรรคเพื่อไทยมีความเหนือกว่า คือ ไม่ต้องพึ่งพิง
แต่ถามว่า หากพรรคเพื่อไทยสลัดสัมพันธ์ที่ยึดโยงอยู่กับพรรคก้าวไกลออกไป จะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเสรีและองอาจละหรือ
ยังน่าสงสัย ยังเป็นคำถาม
การเมืองในห้วงแห่งความพยายามเปิดปฏิบัติการในลักษณะ “สหบาทา” ต่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จึงมากด้วยความแหลมคม
“ท้าทาย” ต่อการต่อสู้เพื่อหา “หนทาง” ออก
เพียงแต่โดยรากฐานและความเป็นมาต้องเป็นทางออกที่ดำเนินไปอย่าง “พันธมิตร” หายใจร่วมรูจมูกเดียวกัน
นี่คือ คำสั่งจากเจตจำนงร่วมของประชาชน