ถอยจากบท‘หนังหน้าไฟ

ถอยจากบท‘หนังหน้าไฟ

ถอยจากบท‘หนังหน้าไฟ

หลังพ่ายต่อเกมโหวตนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ไม่มีทางที่คนของพรรคก้าวไกลจะประเมินไม่ได้ว่า โอกาสที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะได้เป็นผู้นำประเทศตามเจตจำนงของประชาชนนั้นหมดลงแล้ว เพราะ “กติกา” และ “กลไก” ตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ที่ผลโหวตถูกบังคับด้วยตัวเลขสมาชิกกึ่งหนึ่งของรัฐสภาต้องเห็นชอบ ไม่ว่าสมาชิกนั้นจะมีส่วนในการออกเสียง คือแสดงเจตนา “งดออกเสียง” หรือ “เข้าร่วมประชุม” หรือไม่ก็ตาม

ด้วยเหตุผลที่ “สมาชิกรัฐสภา” ส่วนหนึ่งใช้อภิปรายไม่เห็นชอบที่จะให้ “พิธา” เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เพียง “กรรมการบริหารพรรค” เท่านั้นที่ต้องได้ข้อสรุปแล้วว่าเกมนี้เลยเถิดไปถึงการกดดันให้ “ต้องไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล” แต่ “สมาชิกพรรคทุกคน” ย่อมวิเคราะห์ได้ว่า “เกมเร่งการฟ้องร้องให้ล้มพรรคนี้ไปสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ” นั้นน่าจะเป็นการอาศัยความอึดอัด และโกรธขึ้งของประชาชนที่ฝากความหวังไว้กับ “ก้าวไกล” และ “พิธา” เป็นประโยชน์เพื่อผลในเกมการเมือง

คำถามก็คือว่า เกมที่อ่านได้ไม่ยากเลยว่าต้องการเขี่ย “ก้าวไกล” ให้พ้นการร่วมรัฐบาลที่ความจริงแล้ววิธีแก้ที่ดีกว่าคือ คุยกับ “เพื่อไทย” เพื่อเปิดทางให้ “ภูมิใจไทย 71 เสียง” มาร่วมรัฐบาล ซึ่งเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดที่จะได้เสียงสนับสนุนเกิน 376 โดยไม่ต้องพึ่ง ส.ว. ซึ่งเชื่อว่าไม่มีพรรคไหนมีปัญหาอยู่แล้ว แต่ทำไม “ก้าวไกล” ไม่เอา

Advertisement

ซึ่งถึงวันนี้ดูจะเป็นทางออกทางเดียวของ “ก้าวไกล” หากยังต้องการเดินในถนนอำนาจ

เป็นไปได้หรือไม่ว่า เป้าหมายของ “ก้าวไกล” ไม่ใช่แค่ “ชัยชนะเฉพาะหน้า” อันหมายถึงได้เป็นรัฐบาล

ใช่หรือไม่ว่า “ก้าวไกล” มองขาดว่าการเมืองรอบนี้ยังเป็นการช่วงชิงอำนาจเที่ยวนี้ “คู่ต่อสู้หลัก” ยังไม่เปลี่ยนจากก่อนเลือกตั้ง คือ “เครือข่ายทักษิณ ชินวัตร” กับ “ขบวนการสืบทอดอำนาจ”

Advertisement

ระหว่าง “ยุทธศาสตร์แลนด์สไลด์ของเพื่อไทย” กับ “ยุทธศาสตร์ 20 ปีของขบวนการแช่แข็งประเทศ”

“ก้าวไกล” ถูกวางไว้แค่เป็นส่วนสนับสนุนของ “เครือข่ายทักษิณ” เท่านั้น เพียงแต่ “ผลการเลือกตั้ง” เกิดผิดเป้า “ก้าวไกล” พลิกขึ้นมาเป็นตัวแปรสำคัญในเกม ทำให้การวางเกมที่จะเล่นเกิดความยุ่งยากขึ้น จนเปิดช่องให้ “คู่ต่อสู้” เปิดเกมตอบโต้ได้อย่างมีพลัง

ยุทธการลดพลัง “ก้าวไกล” จึงเกิดขึ้น

แต่อย่างที่เกริ่นไว้เบื้องต้น ว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่หมู่มวลสมาชิกก้าวไกลจะอ่านไม่แตกในเกมที่จะแก้ก็ง่ายดายนั้น แต่ที่เลือกไม่แก้นั้น เป็นไปได้หรือไม่ว่า “ก้าวไกล” มองผลได้ผลเสียแตกต่างไปจากที่พรรคการเมืองอื่นประเมิน

เป็นไปได้หรือไม่ว่า “ก้าวไกล” แทงขาดว่า “อำนาจประชาชน” จะมีอิทธิพลต่อความเป็นไปในอนาคตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การยึดคุมศรัทธาประชาชนเป็นเป้าหมายสำคัญกว่าการเข้าไปยึดครองอำนาจ จากนั้นใช้อำนาจนั้นเอื้อประโยชน์ต่อการสร้างฐานทางการเมือง

“ก้าวไกล” เชื่อว่าประชาชนเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปไกลกว่าที่จะใช้วิธีสร้างฐานเสียงแบบเดิมๆ

และด้วยความเชื่อว่าการห้ำหั่นกันของ “เครือข่ายทักษิณ” กับ “ขบวนการสืบทอดอำนาจ” จะไม่มีใครยอมให้ใครยึดครองอำนาจได้ง่าย ส่งผลให้ไม่มีทางที่รัฐบาลใหม่จะรักษาเสถียรภาพไว้ได้

นั่นหมายถึง “การเลือกตั้งครั้งใหม่” จะเกิดขึ้นในอีกไม่นาน

การถอยออกมาในนามของ “พรรคการเมืองที่ยืนหยัดในความสัตย์ซื่อต่อเจตนารมณ์ประชาชน” น่าจะเป็นทางเลือกที่ “ชวนฝัน” มากกว่า

ดังนั้น การเลือกที่จะแตกต่าง และไม่คล้อยตามทางออกเพื่อโอกาสครองอำนาจอย่างง่ายๆ จึงเป็นการตัดสินใจที่สร้างความหวังในความสำเร็จระยะยาว

คนหนุ่ม คนสาว ที่ยังเหลือเวลาสร้างอนาคต

จึงเลือกที่จะหาทางเดินในหัวใจประชาชน โดยพร้อมปฏิเสธอำนาจชั่วคราว เปิดทางให้ “คู่ต่อสู้เก่า” ฟัดกันให้แตกหัก โดยพาตัวเองดิ้นหลบจากความเป็น “เหยื่อ” หรือ “หนังหน้าไฟ” ของใคร

การ์ตอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image