เปิดใจ ‘ส.ว.สุรเดช’ 1 ใน 13 เสียงโหวต ‘พิธา’ เผย ปชช.เห็นชอบมาแล้ว ประเทศต้องเดินหน้า

‘สุรเดช จิรัฐิติเจริญ’ 1 ใน 13 ส.ว.โหวต ‘พิธา’ นายกฯ เปิดใจ อยากให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อ เพราะประชาชนเห็นชอบ 8 พรรคการเมืองกว่า  72 เปอร์เซ็นต์ หากไม่ดี 4 ปีว่ากันใหม่

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 16 กรกฎาคม ที่ร้านนายโค้งวัสดุก่อสร้าง แยกเข้าตลาดประจันตคาม ต.ประจันตคาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบ นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ หรือ ส.ว.โต 1 ใน 13 เสียงโหวต “เห็นชอบ” ให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อเปิดในถึงการโหวตดังกล่าว

นายสุรเดชเล่าว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ส.ส.และ ส.ว.มีวาระสำคัญคือการพิจารณาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 หลังการเสนอชื่อนายพิธา พร้อมกับมีผู้รับรองชื่อถูกต้อง จากนั้นเป็นการเปิดอภิปรายอย่างกว้างขวางเพื่อพิจารณาในการลงคะแนนเสียง รวม 6 ชั่วโมง ได้ฟังข้อมูลมาตรา 112 ที่นายพิธาตอบแล้วเป็นที่สบายใจ

นายสุรเดชกล่าวว่า ผลการนับคะแนนพบว่าที่ประชุมเห็นชอบ 324 เสียง ไม่เห็นชอบ 182 เสียง และงดออกเสียง 199 เสียง เท่ากับว่านายพิธาได้คะแนนไม่มากกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของสองสภาทั้งหมด 749 เสียง แบ่งเป็น ส.ส. 500 เสียง ส.ว. 249 เสียง (ลาออก 1) ในการลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีมี ส.ว.เพียง 13 คน รวมตนด้วยที่ลงคะแนนเห็นชอบนายพิธาเป็นนายกฯ

Advertisement
ส.ว.สุรเดช จิรัฐิติเจริญ

นายสุรเดชกล่าวต่อว่า เหตุผลที่ลงคะแนนเห็นชอบให้นายพิธาเป็นนายกฯเห็นว่าเมื่อเสียงข้างมากของ ส.ส.สามารถจะขับเคลื่อนได้ ดังนั้น เพื่อให้ประเทศชาติเดินต่อไปได้ก็ไม่ควรช้าอะไร รวมทั้งมีการเสนอชื่อนายกฯเพียงคนเดียว และจากข้อซักถามมาตรา 112 นายพิธาได้ตอบไปแล้ว จึงเห็นชอบให้นายพิธาเป็นนายกฯ

นายสุรเดชกล่าวอีกว่า หลังการโหวตนายกฯรอบแรกแล้วนายพิธาไม่ผ่านด่าน ได้รับคะแนนจาก ส.ว.มาเพียง 13 เสียง พรรคก้าวไกลได้ยื่นร่างแก้ไข ม.272 ปิดสวิตช์ ส.ว.เลือกนายกฯ คิดว่าเป็นเชิงสัญลักษณ์มากกว่า ในการปฏิบัติไม่สามารถกระทำได้ เพราะแก้ไขยากมาก

“ในฐานะ ส.ว.ชาว อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี เป็นคนไทยคนหนึ่ง อยากให้ประเทศชาติเดินต่อไปได้ ประชาชนเห็นชอบ 8 พรรคการเมือง ถึง 72 เปอร์เซ็นต์ หากไม่ดี 4 ปีว่ากันใหม่” นายสุรเดชกล่าว

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายสุรเดชประกอบอาชีพธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ก่อนจะหันไปทำการเกษตรได้ 3 ปี ปลูกทุเรียน GI ปราจีนบุรี เน้นเฉพาะพันธุ์หมอนทอง ตอนนี้ได้รวมกว่า 4,000 ต้นแล้ว และกำลังเพิ่มอีกกว่า 6,000 ต้น เพื่อหวังพัฒนาอาชีพด้านการเกษตรแก่ชาวปราจีนบุรี ตามคำขวัญประจำจังวัด “ศรีมหาโพธิ์คู่บ้าน ไผ่ตงหวานคู่เมือง ผลไม้ลือเลื่อง เขตเมืองทวารวดี”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image