‘หมอพรทิพย์’ ซัด ก้าวไกล แถ ปมลดเพดาน ม.112 ยอมรับลูกสาว ขอให้โหวต ‘พิธา’ แต่บอกไปแล้ว การเมืองคือการเมือง ย้ำจุดยืนงดออกเสียงไม่ว่าส่งใครชิงนายกฯ
เมื่อเวลา 12.05 น. วันที่ 18 ก.ค.2566 ที่รัฐสภา พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ส.ว. ให้สัมภาษณ์ถึงการโหวตนายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ (19 ก.ค.) ว่า ส.ว.ส่วนใหญ่มีจุดยืนมั่นคง เราไม่ได้มองแค่ว่ามาเพื่อเลือกนายกฯ แต่ในยามที่บ้านเมืองมีปัญหาเราต้องนึกถึงความถูกต้อง แผ่นดินต้องรอด ซึ่ง ส.ว.ทุกคนขอขอบคุณกลุ่มประชาชนที่มาให้กำลังใจ เพราะบางครั้งการทำงานค่อนข้างยากต้องฟันฝ่าหนามแหลมคมสารพัดทุกอย่าง กำลังใจเหล่านี้จะทำให้พวกตนสามารถผ่านมันได้สำคัญที่สุดอยากฝากทุกคนที่รักชาติ อย่าได้โกรธคนที่ทำร้ายเรา อยากให้มีความเมตตา และมีดวงตาเห็นธรรม เพราะพลังของเราอย่างไรก็ชนะ และรักษาแผ่นดินได้ และในฐานะที่ตนทำงานขอยืนยันว่า
เมื่อตนยืนยันปิดสวิตช์ตัวเองตั้งแต่ตอนแรก โดยเห็นด้วยในหลักการว่า ส.ว.ไม่ควรมีอำนาจในการเลือกนายกฯ และเป็นสิ่งที่ ส.ส.อยากให้เป็น โดยก่อนเลือกตั้ง ส.ส.บอกให้พวกเราปิดสวิตช์ แต่เมื่อมีการเลือกตั้งกลับมีการเปลี่ยนหลักการมาเรียกร้องให้พวกเราร่วมโหวต ซึ่งตนได้คุยในหลักการว่า หากยอมเปลี่ยนหลักการมาโหวตให้เสียงข้างมาก แต่อย่างน้อยต้องมีความถูกต้อง คือเอาการแก้ ม.112 ออกไป เพราะไม่ใช่เรื่องปากท้องประชาชน ซึ่งตนจะยินดีโหวตให้ แต่มีความชัดเจนว่าพรรคก้าวไกลไม่ยอมเอาออก และยังดันออกมาข้างหน้า
พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าวต่อว่า จากการให้สัมภาษณ์ของพรรคก้าวไกลหลายคน โดยเฉพาะเลขาธิการพรรค แม้จะไม่แตะลงในรายละเอียด แต่ยังมีการแถไปว่า ส.ว.มีเรื่องอื่น ตนขอบอกว่า ส.ว.มีเรื่องเดียว คือเรื่องความมั่นคง เพราะเขามุ่งสู่สิ่งสุดท้ายคือการทำลาย ดังนั้น ตนจึงขอไปอยู่ในหลักการเดิมคืองดออกเสียง แต่ไม่ใช่ไม่กล้า ตนยึดหลักการเสมอว่าเมื่อตัดสินใจไม่ใช้สิทธิตัวเองก็จะไม่ใช้ ครั้งที่แล้วเขาขอโอกาสให้ใช้เราก็ให้โอกาส แต่เขาไม่ได้ทำตามที่บอกจะมากล่าวหาว่าขี้ขลาดก็ยอม เพราะคนเราต้องมีหลักการไม่เหมือนพรรคก้าวไกลที่กลับไปกลับมาตลอด
ส่วน ส.ว.ท่านอื่นนั้นไม่ทราบ แต่สำหรับตนขอปิดสวิตช์ไม่ว่าจะเป็น นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่เพราะตนไม่ชอบบุคคลเหล่านี้ แต่ต้องการยืนยันว่า เราไม่มีอำนาจเลือกตำแหน่งนี้
“ไม่ต้องรอพรุ่งนี้ (19 ก.ค.) ว่าหมอจะโหวตให้หรือไม่ เพราะตอนนี้การกระทำหลายอย่าง รวมทั้งหลังจากวันที่โหวต หมอโดนกระทบจากด้อมส้มทั้งหลายคุกคามทั้งตัวเองและลูก ซึ่งไม่ใช่ ส.ว.คนเดียวที่โดน แล้วอยู่ๆจะมาบอกว่าเลือกพรรคผมเถอะ แบบนี้ไม่ใช่ประเทศไทยที่สงบสุข ฉะนั้น เราคงไม่สามารถให้ความเห็นชอบได้โดยไม่ลังเล หรือต้องคิดเหตุผลอะไร” พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าว
เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกล ระบุว่าการงดออกเสียงของ ส.ว.ไม่ใช่การปิดสวิตช์ที่แท้จริง พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าวว่า เราไม่เคยเจอที่เล่นกันผ่านสื่อ ทำไมไม่พูดมาตรงๆ เช่น นายพิธา ทำไมไม่มาคุยกับหมอ ทำไมส่งคนอื่นมาคุย และการคุยก็เป็นการยืนยันว่าฉันไม่แก้ ดังนั้น จะมาบอกเหตุผลต่างๆ นานามันไม่ใช่ ตนมองว่าทั้งหมดอยู่ที่การกระทำ พรรคก้าวไกลโดยเฉพาะนายพิธา ได้ทำให้เห็นแล้วว่าสิ่งที่เขาต้องการคืออะไร ปัญหาปากท้องประชาชนไม่ใช่สิ่งที่เขาเลือกเป็นอันดับหนึ่ง และเหมือนเขาไม่สนใจตำแหน่งนายกฯ ทั้งที่เราก็บอกแล้วว่าอยากให้เขาทำหน้าที่นี้
เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลบอกว่าแม้จะลดเพดานเรื่องมาตรา 112 ส.ว.ก็จะไม่เลือกให้อยู่ดี พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าวว่า หมอใช้คำว่าแถ เพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ และจะตอบแต่แบบนี้
เมื่อถามว่า ที่บอกว่าถูกคุกคามในส่วนของลูกสาวโดนคุกคามอย่างไรบ้าง พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าวว่า ในความเป็นจริงเราคงรู้ว่าสภาพการใช้สื่อโซเชียลสามารถล้างสมองปลุกระดม จนเปลี่ยนไป จากสภาพคนใกล้ชิดที่พบคือลูกเรียกคนเป็นแม่ว่าคุณ ทำนองเดียวกับที่เกิดขึ้นในครอบครัวตน แต่ก็ไม่ว่าอะไร แต่ด้อมส้มก็ไม่ดูอะไรเลย ลูกสาวตนชอบพรรคก้าวไกล แต่เวลาเข้าไปถล่มมันคิดว่าจะไปด่าแม่ แต่กลับไปด่าลูก อย่างนี้หรือจะให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ ที่สำคัญพรรคก้าวไกลไม่เคยห้าม นายพริษฐ์ วัชรสินธุ เคยมาคุยกับตน และยอมรับว่าไม่สามารถควบคุมได้
เมื่อถามว่า ขณะนี้ความสัมพันธ์กับลูกสาวเป็นอย่างไรบ้าง พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าวว่า ในช่วง 2-3 วันนี้ ยังไม่มีโอกาสได้คุยกัน เพราะเขาอยู่ในเมือง แต่คงไม่มีปัญหาอะไรที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าความรักของแม่ที่มีต่อลูก
ถามต่อว่า ลูกสาวเคยขอให้ตัดสินใจให้มาช่วยโหวตนายพิธาหรือไม่ พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าวว่า “ยอมรับว่าเคยขอ แต่หมอบอกว่าการเมืองคือการเมือง”