สรส.ร้องผู้ตรวจฯ กม.สุราสามทับเอื้อเอกชน รัฐสูญรายได้ 700 ล้าน แกนนำถูกผู้บริหารเรียกพบ

สรส. ร้องผู้ตรวจฯสอบปมสุราสามทับ ทำรัฐสูญรายได้ 700 ล้าน ขณะแกนนำถูกผู้บริหารเรียกพบ เตรียมนัดเคลื่อนไหว 25 ก.ค.นี้

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 20 กรกฎาคม ที่บริเวณประตู 1 อาคารบี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ สมาชิกสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) และคณะ ประมาณ 40 คน นำโดย นายมานพ เกื้อรัตน์ เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) นายภรภัทร สุขเจริญ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การสุรา และ นายสาวิทย์ แก้วหวาน ที่ปรึกษา สรส. ร่วมกันเป็นตัวแทนยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีกรมสรรพสามิตออกระเบียบและกฎหมายเกี่ยวกับสุราสามทับที่อาจขัด หรือแย้งกับพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 และกฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ.2565 โดยมี นายปิยะ ลือเดชกุล ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบเรื่องร้องเรียน เป็นผู้มารับหนังสือ

ตัวแทน สรส.ระบุว่า ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบการกระทำที่เข้าข่ายการกระทำทุจริตเชิงนโยบายของเจ้าหน้าที่รัฐในกรมสรรพสามิตที่ออกประกาศกรมสรรพสามิตเอื้อประโยชน์ให้เอกชนและทำให้รัฐเสียหายโดยมิชอบองค์การสุราฯเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง เป็นหน่วยงานของรัฐที่เป็นกลไกของรัฐบาลในการจัดบริการสาธารณะผลิตและจำหน่ายสุราสามทับ (เอทิลแอลกอฮอล์) และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องเพื่อบริการประชาชนและสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมที่มีความเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของประชาชน โดยกำลังถูกคุกคามอย่างหนักจากภาคเอกชนที่มีกระบวนการแทรกแซงนำสุราสามทับเพื่อการส่งออกกลับเข้ามาจำหน่ายในประเทศแทนองค์การสุราฯ และยังได้รับสิทธิเสียภาษีในอัตราศูนย์จากกรมสรพสามิตมาเป็นระยะเวลาหลายปี โดยผ่านประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีและเงื่อนไขการขอใช้สิทธิเสียภาษีในอัตราศูนย์สำหรับสุราสามทับที่ นำไปใช้ในการอุตสาหกรรม ลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่อาจขัดแย้งกับพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560

Advertisement

ตัวแทน สรส.ระบุอีกว่า และกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ.2565 ที่นำไปสู่การเปิดช่องให้บริษัทเอกชนสามารถจำหน่ายสุราสามทับ ภายใต้ชื่อว่า “วัตถุเจือปนอาหาร” ได้อย่างเสรีโดยไม่เสียภาษี ทั้งที่จริงแล้วเป็นเพียงการเปลี่ยนชื่อบนฉลากสินค้าจากสุราสามทับเป็นวัตถุเจือปนอาหารเท่านั้น แต่สินค้าดังกล่าวก็ยังคงอยู่ในรูปของสุราสามทับ หรือเอทิลแอลกอฮอล์ที่มีแรงแอลกอฮอล์มากกว่า 80 ดีกรี ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสินค้าในพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตที่ต้องเสียภาษีและบริษัทเอกชนไม่มีสิทธิจำหน่ายในประเทศ

สำหรับกรณีนี้ทางสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การสุรา (สร.สร.)ได้ร่วมกันตรวจสอบเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2564 มีการยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อธิบดีกรมสรรพสามิต เพื่อร้องเรียนปัญหาดังกล่าว นอกจากนี้ ยังได้ยื่นเรื่องถึงคณะกรรมการบริหารกิจการองค์การสุราฯ และผู้อำนวยการองค์การสุรา ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลกิจการของรัฐวิสาหกิจ และมีความรับผิดชอบต่อผลการปฏิบัติหน้าที่ต่อกระทรวงการคลัง ในฐานะที่เป็นผู้เสียหายโดยตรงจากปัญหาดังกล่าว ที่องค์การสุราฯไม่อาจประกอบกิจการของรัฐได้อย่างปกติจนทำให้รัฐวิสาหกิจประสบกับภาวะการขาดทุนเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี แต่ปัจจุบันก็ไม่ได้รับทราบผลการพิจารณาข้อเท็จจริงดังกล่าวและยังไม่พบการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง

Advertisement

ดังนั้น สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) พร้อมด้วยองค์กรสมาชิก สรส.และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การสุรา จึงมายื่นหนังสือต่อตรวจการแผ่นดินได้ตรวจสอบการกระทำที่อาจเข้าข่ายการทุจริตเชิงนโยบายเกี่ยวกับการออกประกาศของกรมสรรพสามิตที่เอื้อประโยชน์ให้เอกชนและตรวจสอบพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำการเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบที่ทำให้รัฐเสียหายและรัฐสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษี เพื่อมีให้เกิดการใช้อำนาจรัฐโดยมิชอบ รวมถึงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และอีกหลายหน่วยงาน แต่ปรากฏว่ายังไม่มีคำตอบผลการรับเรื่องมาถึงพวกเรา

ในขณะที่แกนนำ สรส.ถูกผู้บริหารเรียกตัวไปเข้าพบและตรวจสอบ สำหรับการเคลื่อนไหวของ สรส.ในกรณีดังกล่าวจะได้นัดรวมตัวกันในวันที่ 25 ก.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ที่กรมสรรพสามิต เพื่อขอคำตอบและสอบถามรายละเอียดจากรณีดังกล่าวต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image