วันวิชิต ย้อนเส้นทาง บิ๊กป้อม ชี้ ซุ่มเงียบ ‘น่ากลัวสุด’ เชื่อ ออมกำลังรอโจมตีทีเดียวกินรวบ!
เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม อ.วันวิชิต บุญโปร่ง คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต ให้สัมภาษณ์ ‘มติชนทีวี’ ถึงสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาล
อ.วันวิชิตกล่าวในตอนหนึ่งว่า ฉากสุดท้ายที่หลายคนคิดว่านายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จะเป็นพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ตนคิดว่านักการเมืองยุคเก่าไม่เข็ด เอาเรื่องผลประโยชน์เฉพาะหน้า คนที่น่ากลัวที่สุด คนที่ไม่เคยออกมาเคลื่อนไหวหรือตอบสังคมเลยคือ พลเอกประวิตร ก่อนหน้านี้หลังการเลือกตั้ง ทั้งร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า และนายไพบูลย์ นิติตะวัน มั่นใจ ถึงขนาดบอกเลยว่านายกรัฐมนตรีคนที่ 30 คือ พลเอกประวิตร อย่างแน่นอน ด้วยความเงียบแบบนี้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ผู้ชายที่น่ากลัวในการเดินเกมมากๆ ถ้าหลักสงครามเขาเรียกว่า อยู่ในภาวะการออมกำลัง สะสมกำลังรวบรวมพล รอเวลาสถานที่ ที่เหมาะเจาะ เข้าโจมตีทีเดียวกินรวบเลย
อ.วันวิชิตกล่าวว่า ทำไมนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ไม่กล้าตัด พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกจากสมการ และเชื่อมั่นเหลือเกินว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ คือคำตอบสุดท้ายของการจัดตั้งรัฐบาล พลเอกประวิตรมาจากครอบครัวทหาร มีมิตรสหายคอนเน็กชั่นระดับสูง ฐานการศึกษาโรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เพื่อนรักที่สนิทที่สุดคือ พลเอก นพดล อินทปัญญา ซึ่งภรรยาก็ไปเป็นปาร์ตี้ลิสต์คนหนึ่งของพรรคเพื่อไทย เป็นเพื่อนรักกินนอนมาด้วยกัน พ่อ พลเอก นพดล อินทปัญญา ก็เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เป็นอดีตเจ้ากรมยุทธโยธาทหารบก พ่อพลเอกประวิตร คือ พลตรีประเสริฐ วงษ์สุวรรณ ก็มีบ้านอยู่ในกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ก็เติบโตวิ่งเล่นกันมา
อ.วันวิชิตเล่าต่อไปว่า ในปี พ.ศ.2541 ในสมัยนั้น พลตรีประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 หรือ บูรพาพยัคฆ์ เป็นผู้บัญชาการกองพลเพียงแค่ 1 ปีครึ่ง ทำอย่างไรไม่รู้แซงรุ่นที่อาวุธโสกว่า ขึ้นเป็นรองแม่ทัพภาคที่หนึ่ง แต่พอมามีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง ไปเป็นพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในยุคของคุณชวน หลีกภัย ในปี พ.ศ.2543 ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นเป็นพลโทแล้ว ประจำเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ โดยในยุคที่พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นผู้บัญชาการทหารบก จุดเปลี่ยนสำคัญในปี พ.ศ.2544 พรรคไทยรักไทย ชนะการเลือกตั้งในเดือนมกราคม พลตำรวจโททักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ
ต่อมา เดือนกันยายน ปี พ.ศ.2544 พลเอกประวิตรได้เป็นตำแหน่งผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายยุทธการ และในปี พ.ศ.2545 ย้ายกลับมาเป็นแม่ทัพภาคที่หนึ่ง ในรัฐบาลไทยรักไทย ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญคุมการปฏิวัติ
“ผมพยายามเล่าให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ กับคุณทักษิณ ชินวัตร ว่าทำไมถึงแนบแน่นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
อ.วันวิชิตกล่าวว่า ตนเท้าความ เรียงความมาให้ทุกคนได้ฟังว่า พลเอกประวิตรนั้น เราไม่สามารถประมาทหรือมองข้ามได้เลยกับสมการนี้ ถ้ามองเกม ต้องมองให้ละเอียด
“ในตอนนี้บรรยากาศทางการเมือง มันยังมีความชอบธรรมยังเหลืออยู่ พรรคก้าวไกลยังมีความชอบธรรมให้กำลังใจ สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ผมได้แต่เอาใจช่วยให้รักกันนานๆ” อ.วันวิชิตกล่าว
