วิโรจน์ ชี้จุดยืน 5 ข้อ ยืนยันบีบก้าวไกลยังไง ก็ไม่ยอมเป็นฝ่ายค้าน ลั่นสู้กับขบวนการหน้าด้าน ต้องด้านกว่า
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ไปให้สัมภาษณ์กับ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ ช่วงหนึ่ง นายสรยุทธได้ถามว่า ถึงวันนี้มี 2 ทฤษฎีว่า 1.วันนี้เพื่อไทยกำลังถูกบีบ 2.ตั้งใจจะให้ถูกบีบ เพื่อให้ก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน ฉะนั้นคำประกาศว่า ถ้ายังมีก้าวไกลก็ยังไม่ผ่าน
โดยนายวิโรจน์ตอบว่า เรื่องนี้เหมือนหนังรักโรแมนติกของ 8 ภาคี ที่ทุกคนพยายาม ทำให้ 8 พรรคร่วมแตกคอกัน ส่วนตัวยอมรับว่า การทำงานร่วมกัน จะมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ก็มีคนพยายามขยายทำให้ 8 พรรคร่วมแตกกัน แต่ตนมีจุดยืนอยู่ 5 เรื่องในเรื่องนี้
1.ปิดสวิตช์ 3 ป. ต้องการการเปลี่ยนผ่านจากอำนาจเผด็จการ และเครือข่ายอุปถัมภ์ และทุนผูกขาด
2.การรักษาความกลมเกลียว ของ 8 พรรคไว้ให้ได้ เพื่อเข้าเส้นชัยไปพร้อมๆ กัน
3.ให้เกียรติพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
4.ต้องรักษาจุดยืนของ 8 พรรค
5.ความยืดหยุ่นภายใต้สถานการณ์ที่เป็นจริง เช่น รัฐธรรมนูญไม่ได้ออกแบบมาเพื่อพวกเรา นโยบายต่างๆ ที่มีจำกัด อะไรที่เป็นจริงแล้วทำได้ ทำไม่ได้ เอนบ้าง แตรากต้องกลับมาที่จุดเดิม
นายสรยุทธถามว่า ฉะนั้นไม่มีอยู่ในความคิดเลยที่วันหนึ่งมานั่งแถลง เราไปเป็นฝ่ายค้าน ไม่เอาแล้วอีก 4 ปีเจอกัน ไม่มีอารมณ์แบบนั้น?
ด้านนายวิโรจน์กล่าวว่า สำหรับวิโรจน์ไม่มี ประโยคที่วิโรจน์พูดตลอด จะสู้กับคนหน้าด้าน เราจะหน้าบางไม่ได้ ต้องหน้าด้านกว่า เคยดูหนังลัดดาแลนด์ไหม ถ้ามีคนบอกว่า กูไล่มึงออก กูก็จะบอกว่า กูไม่ออก ออกแล้วประชาชนจะเอาอะไรแ-ก กูจะอยู่กับมึง อยู่อย่างสุดปลายมือจริงๆ
“คืองี้ คนด้านหน้าหรือคนถ่อย เขาจะรู้สึกว่า วิญญูชนจะหน้าบาง เอ้ยแสดงสปิริตสิ มึงออกดิ แต่ถ้าผมยืนยันว่า กูไม่ออก ดันหัวเอากู กูก็จะกอดมึง กูไม่ออก ออกแล้วประชาชนจะเอาอะไรแ-ก ไม่เอาๆ สุดชีวิต ไม่มีแล้วพจมาน สว่างวงศ์ มาไล่ว่า เก็บกระเป๋าออกไปเลย ไม่ครับ ผมจะซื้อเสื้อผ้าเพิ่ม เขาโยนกระเป๋าออกมา ก็จะโยนกระเป๋ากลับไปกูจะอยู่ พี่น้อง 8 คน อยู่บ้านเดียวกันใครจะมาไล่เราออกไปไม่ได้” นายวิโรจน์กล่าว
นายสรยุทธถามว่า ถ้ามีคนพูดแบบนี้ละ วิโรจน์รู้จักคำว่าเสียสละไหม?
นายวิโรจน์กล่าวว่า ถ้าเกิดเราออกแล้ว 3 ป.เดินต่อล่ะ วันนี้ 3 ป. มีทางเดินตรง ทางเดินอ้อมด้วยนะ เราง่ายๆเลย ถ้าอำนาจที่มาจากการสืบทอดอำนาจจากการรัฐประหารมันไปต่อได้ ทุนผูกขาด เครือข่ายอุปถัมป์มันไปต่อได้ แล้วประชาชนจะมีความหวังอะไร
นายสรยุทธสวนว่า ที่คุณพูดนี่แหละ เครือข่ายทุนผูกขาด เครือข่ายอุปถัมป์ อำนาจสิทธิเสรีภาพประชาชน นี่แหละที่ทำให้คุณไม่ได้?
ด้าน นายวิโรจน์ ตอบทันทีว่า นั่นไง แบบนี้แหละที่ผมยิ่งต้องได้ ถ้าการที่ผมได้แล้ว 8 พรรคร่วมได้ด้วยกัน สิทธิเสรีภาพประชาชนจะดีกว่า โอกาสของประชาชน การลืมตาอ้าปากจะดีกว่านี้ ดังนั้น ต้องหน้าด้าน คน 150 คนถามผม ทำไงดี ผมบอกเลยหน้าด้านครับ มีใครด่าผมวิโรจน์หน้าด้าน ใช่ผมหน้าด้าน ผมหน้าด้านได้กว่านี้อีกเพื่อประชาชน
“หน้าด้านแล้วไม่ได้หมายความว่า ผมไม่มีจุดยืน จุดยืนผมต้องมี แต่ความยืดหยุ่นภายใต้สถานการณ์ที่เป็นจริงมันก็ต้องมี ถ้าวิธีต่างๆ แต่เป้าหมายยังเหมือนเดิมก็ต้องมี เรื่องนี้พ่อผมสั่งไว้ก่อนตายเลยนะ เขาถามผมว่า วิโรจน์สู้กับใครน่ากลัวที่สุด ผมบอกสู้กับคนเก่ง พ่อบอกไม่จริง สู้กับคนเก่งง่ายมาก เรียนรู้จากเขาแล้วเราก็จะเก่งขึ้น สู้กับคนไม่เก่ง ไม่เป็นไร ถ้าเขาไม่เก่ง แต่ตั้งใจ พาเขามาเป็นพวก เขาจะได้เรียนรู้กับเราเพื่อทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ไปด้วยกัน
“พ่อผมบอกเลยเชื่อป๊า สู้กับคนหน้าด้านน่ากลัวที่สุด ต่อให้มันสู้แพ้มันก็จะโง่ อยู่ดีมันแพ้เรา ก็จะสร้างกติกาใหม่ ให้เราเสียเปรียบ คำนี้ได้มาตั้งแต่ผมยังไม่เข้าการเมืองเลยนะ ผมก็ยังถามกลับเล่นๆ เลย ไม่คิดว่า จะเจอจริงๆว่า ต้องสู้ยังไง ป๊าบอกว่า ถ้าเจอคนหน้าด้านให้หน้าด้านกว่าเท่านั้น พ่อผมที่อยู่สรวงสวรรค์กำลังภูมิใจในตัวลูกมาก บอกวันนี้วิชาลับของตระกูลได้ถูกเอามาใช้แล้ว” นายวิโรจน์ ระบุ
