พท.เขย่าสูตร ‘รบ.มิ้นต์ช็อก’ ไร้ ‘ก.ก.’ ผสม ‘ขมข่มหวาน’?
ย้อนไปเมื่อ 22 พฤษภาคม ที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย พร้อมอีก 6 พรรคแถลงเซ็นเอ็มโอยูในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อเดินหน้านโยบาย 23 ข้อ ที่โรงแรมคอนราด
ผ่านไป 2 เดือน เมื่อ 22 กรกฎาคม พรรคเพื่อไทยเปิดบ้านหารือกับแกนนำพรรคภูมิใจไทย ตามด้วยพรรคชาติพัฒนากล้า พรรครวมไทยสร้างชาติ และ 23 กรกฎาคม หารือกับพรรคชาติไทยพัฒนา กับพรรคพลังประชารัฐ
แม้จะเป็นเรื่องเดียวกันว่าด้วยการจัดตั้งรัฐบาล แต่เป็นหนังคนละม้วน จากเดิมที่จะจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค ต้องปรับสูตรใหม่ โดยจะไม่มีพรรคก้าวไกลเป็นส่วนผสม
วิวาห์การเมืองไทยอะไรก็เป็นไปได้ แม้จะค้านสายตาคนดูก็ตาม พรรคเพื่อไทยที่เดิมเป็นเจ้าสาวเบอร์ 1 กลับพลิกบทมาเป็นเจ้าบ่าวแทนพรรคก้าวไกล ขณะที่พรรคก้าวไกลแทนที่จะเปลี่ยนมาเป็นเจ้าสาวเบอร์ 1 กลับจะต้องถูกเขี่ยพ้นงานวิวาห์รัฐบาล ไปเป็นเจ้าบ่าวในฝ่ายค้านแทน
หากติดตามดูซีรีส์การเมืองไทย เปิดฉากหลังเลือกตั้งเมื่อ 14 พฤษภาคม ที่พรรคก้าวไกลทำเซอร์ไพรส์ กวาด ส.ส.ทั้งเขตและปาร์ตี้ลิสต์ 151 คน ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ได้สิทธิอันชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล
จากนั้น 17 พฤษภาคม “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกฯ พร้อมแกนนำพรรค นัดหารือแกนนำพรรคเพื่อไทยและพรรคอื่นๆ อีก 4 พรรค ที่ร้านอาหาร Chez Miline ย่านถนนสุโขทัย เป็นดินเนอร์ทอล์ก เพื่อหารือการจัดตั้งรัฐบาล
จากนั้นนัดเซ็นเอ็มโอยูตั้งรัฐบาล 8 พรรคเมื่อ 22 พฤษภาคม
ระหว่างนั้น “พิธา” ก็เดินเกมว่าที่นายกฯ เดินสายไปพบกับผู้แทนทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อเตรียมพร้อมทำงานทันทีเมื่อนั่งเป็นนายกฯ
แต่ระหว่างนั้น มีการขบเหลี่ยมกันระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยเรื่องการชิงเก้าอี้ประธานสภา จนสุดท้ายตกเป็นของ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” จากพรรคประชาชาติ ซึ่งก็รู้กันว่าเป็นสาขาของพรรคเพื่อไทย
กระทั่ง 13 กรกฎาคม มีการประชุมรัฐสภาโหวตนายกฯ 8 พรรคก็ผนึกเสนอชื่อ “พิธา” แต่ได้คะแนนแค่ 324 เสียง ไม่ผ่าน 375 เสียงของรัฐสภาตามมาตรา 272 ซึ่งเป็นกฎเนื้องอกของรัฐธรรมนูญ 2560 สกัด ‘พิธา’ ไปไม่ถึงเก้าอี้นายกฯ
นัดโหวตอีกครั้ง 19 กรกฎาคม “พิธา” ก็ต้องจอดตั้งแต่ด่านแรกที่ ส.ว.และ ส.ส.พรรคฝ่ายตรงข้ามใช้ข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อ 41 ที่มีอำนาจเหนือว่ารัฐธรรมนูญมาสกัดว่าเป็นญัตติซ้ำเสนอมาอีกไม่ได้ โดยมีคะแนนเห็นด้วยถึง 395 เสียง
จากนั้นฉากการจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคต้องปรับใหม่ เมื่อ 21 กรกฎาคม พรรคก้าวไกลยอมถอยอีกครั้งให้พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าบ่าวจัดตั้งรัฐบาลแทน แต่ต้องจับขั้ว 8 พรรคตามเดิม
คาดว่าพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” ให้ที่ประชุมรัฐสภาโหวตเป็นนายกฯ 27 กรกฎาคมนี้
พรรคเพื่อไทยพร้อมโชว์เก๋า ในฐานะแกนนำตั้งรัฐบาลนำตัวแทนอีก 7 พรรคแถลงข่าว 3 ทางในการหาเสียงจาก ส.ว.และ ส.ส.มาเติมให้ได้เกิน 375 เสียง
รุ่งขึ้นอีกวัน 22 กรกฎาคม พรรคเพื่อไทยเดินเกมทันที เชิญแกนนำพรรคภูมิใจไทย ตามด้วยพรรคชาติพัฒนากล้า และพรรครวมไทยสร้างชาติ มาหารือ โดยอ้างว่าไม่ใช่การคุยเรื่องจัดตั้งรัฐบาล แต่เป็นการหารือเพื่อหาทางออกให้ประเทศ
คิวต่อไป 23 กรกฎาคม พรรคเพื่อไทยหารือกับพรรคชาติไทยพัฒนา และกับพรรคพลังประชารัฐ
ทุกพรรคที่เป็นขั้วรัฐบาลขณะนี้ ไม่ว่าจะ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าจะ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ว่าจะ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ไม่ว่าจะ “วราวุธ ศิลปอาชา” หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา รวมถึงพรรคพลังประชารัฐ ต่างประสานเสียงว่าถ้าจะให้ร่วมรัฐบาล หรือจะให้โหวตสนับสนุนนายกฯจากพรรคเพื่อไทย จะต้องไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในรัฐบาลนั้น โดยยกเรื่องมาตรา 112 มาเป็นข้ออ้าง
การหารือระหว่างพรรคเพื่อไทยกับแกนนำแต่ละพรรค จะมีภาพ “ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และแกนนำพรรคต่างๆ ชนแก้ว “มิ้นต์ช็อก” ทั้งกับ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทั้ง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และแกนนำพรรคอื่นๆ
เป็นการส่งสัญญาณไปยังพรรคก้าวไกลว่าจะต้องฉีกเอ็มโอยู 8 พรรคแน่ เพื่อเปลี่ยนส่วนผสมการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เป็นสูตร “มิ้นต์ช็อก” โดยไม่มีพรรคก้าวไกลและอีกบางพรรคเป็นส่วนผสม
ขณะที่ “พิธา” หลังหลบไปพักผ่อนกับลูกสาว กลับมาเดินสายไปขอบคุณชาวชลบุรี ระยอง และจันทบุรี พร้อมปราศรัยส่งสัญญาณกลับไปว่า ยังไม่ยอมแพ้ และเน้นย้ำถึงสัจจะที่แต่ละคน แต่ละพรรคเคยให้ไว้กับประชาชนช่วงหาเสียงเลือกตั้ง
“ใครจะถีบผมออกจากเรือผมไม่รู้ ผมบอกอย่างเดียวว่าผมไม่ยอม ถ้าเรือมันรั่วต้องช่วยกันซ่อม ไม่ใช่มาถีบเพื่อนออกจากเรือ…ถ้าเรือมันรั่วอยู่ คุณจะให้คนเสียสละออกจากเรือหรือ พวกเราทั้ง 8 พรรคต้องช่วยกันซ่อมเรือ อุดรอยรั่ว ทำเรือให้เข้มแข็ง เรือมันก็จะถึงฝั่ง…ผมจะไม่มีวันยอมแพ้ เพื่อยุติการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ…พรรคก้าวไกลจะไม่ยอมถอยไปเป็นฝ่ายค้าน เพราะพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่ได้อันดับหนึ่ง”
พร้อมยกบทกลอนของ “สุนทรภู่” จากเรื่องพระอภัยมณีที่ว่า “แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน”
เป็นการบอกกับประชาชนและส่งสัญญาณกลับไปยังพรรคเพื่อไทยว่าจะขอดันรัฐบาลสูตร “กาแฟส้ม” ที่มีพรรคก้าวไกลเป็นส่วนผสมสู้ต่อ
แต่ดูเหมือนพรรคเพื่อไทยจะไม่สนใจ และไม่ได้เป็นคนถีบพรรคก้าวไกลออกจากเรือด้วยตัวเอง แค่พาอีกพวกขึ้นเรือมารุมถีบพรรคก้าวไกลหล่นจากเรือ
จากนี้พรรคเพื่อไทยก็จะเดินหน้า เขย่าสูตรใหม่ดันตั้งรัฐบาล “มิ้นต์ช็อก” ต่อไป แม้รู้ว่ารสชาติออกมาจะขมมากกว่าหวานก็ตามที