วงเสวนาแนะศาล รธน. โฆษกต้องแกร่ง รู้เกมการเมือง อธิบายชัด ช่วยสังคมหายแคลงใจ ‘ไม่ได้รับลูกใครมา’
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม เวลา 13.30 น. ที่ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการ และคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ จัดเสวนา ‘สื่อกับศาล : มุมมองของสื่อที่มีต่อการสื่อสารองค์กรของศาลรัฐธรรมนูญ’ ดำเนินรายการโดย นายกล้า สมุทวณิช นักวิชาการคดีรัฐธรรมนูญชำนาญการ
ในตอนหนึ่ง นางอุษา มีชารี ผู้ช่วยหัวหน้าข่าวการเมือง หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ กล่าวว่า ศาลเป็นเรื่องทางคดีจึงไม่ค่อยมีใครอยากยุ่ง คดีเป็นข้อกฎหมาย ดังนั้นในการสื่อสารจึงควรมีบทคัดย่อ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในบริบทที่นักข่าวจะต้องไปเสาะแสวงหาเพิ่มเติมในเรื่องของความรู้ ดังนั้นตุลาการทุกท่านคือครูของนักข่าวภาคสนาม ก่อนเขียนข่าวออกไปซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
“อยากจะบอกศาลว่าควรมีโฆษกที่มีความแกร่งกล้าและสามารถ รู้เท่าทันเกมการเมือง ว่าสถานการณ์ไหน จังหวะไหนควรจะออกเป็น Press รวมถึงการอธิบายข้อความใน Press ให้กระจ่าง เพื่อไม่ให้ประชาชนสงสัยหรือคลางแคลงใจ ถ้าทำความเข้าใจกับสังคมในเรื่องกระบวนการ ข้อเท็จจริงผ่านสื่อที่เข้าใจทุกอย่างมันจะลดทอนความร้อนแรงลงไปมาก” นางอุษากล่าว
นางอุษา กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลที่เกี่ยวกับการเมืองโดยตรง ทุกอย่างที่ขัดแย้งกับศาลกับรัฐธรรมนูญก็ต้องพุ่งมาทางนี้อยู่แล้ว ซึ่งคำถาม ณ ตอนนี้เป็นเรื่องร้อนเกี่ยวกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในเรื่องของ 1.คดีล้มล้างที่ท่านรับไปก่อนหน้านี้ 2.คดีคุณสมบัติของนายพิธาที่ กกต. ส่งมา 3.ข้อบังคับโหวตนายก ซึ่งขณะนี้ผู้ตรวจให้ชะลอการโหวตนายกออกไปก่อน จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย
“ตรงนี้สังคมไม่เข้าใจว่าเมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้ว ศาลจะทำเรื่องไหนก่อน ทำตามเรื่อง 1 2 3 หรือตอนนี้คนอยากให้พิจารณาเรื่องการโหวตนายกฯก่อน เพื่อให้ประเทศเดินหน้า เรื่องที่อยู่ในศาลคือทางออกของประเทศทั้งนั้น ตอนนี้ไฟมันกำลังจะลุกแล้ว เตรียมสถานการณ์ตรงนี้อย่างไร เท่าที่ได้สัมผัสการสื่อสารของศาลกับสื่อ หากบอกในสิ่งที่ศาลทำอยู่ในกระบวนการขั้นตอนจริงๆ ไม่มีใบสั่ง ในขั้นตอนการพิจารณา ของคุณพิธา มาปุ๊บศาลรับปั๊บ แล้วก่อนหน้านี้ช่องทางมันมาอย่างไร ซึ่งการอธิบายความตรงนี้ จะทำให้เห็นว่าศาลทำอย่างถูกต้อง ยุติธรรม ไม่ได้รับไม้ หรือรับลูกใครมา” นางอุษากล่าว
นางอุษา เสริมว่า ก่อนหน้านี้เคยมีสถานการณ์ของเสื้อเหลือง เสื้อแดง ก่อนเกิดการรัฐประหาร สังคมตอนนี้ไม่อยากให้เกิดภาพแบบนั้นอีกแล้ว ฉะนั้นอยากเห็นศาลเป็นทางออกของประเทศจริงๆ
“ในการทำงานของสื่อที่แท้จริง จะมีจรรยาบรรณในการทำงานของตนเอง จะรู้ว่าอะไรเหมาะ อะไรควร หากข้อมูลไม่ถูกต้องก็จะไม่นำเสนอ จุดไหนน่าสงสัยจะต้องขอเช็คและคอนเฟิร์มก่อน ว่าข่าวนั้นถูกต้องหรือไม่ หากท่านจับมือกับสื่อหลักและอธิบาย คิดว่าสังคมจะลดทอนความรุนแรงลงไปได้บ้าง” นางอุษากล่าว
จากนั้น นางอุสาสอบถามนายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า มีการขอเลื่อนโหวตนายกฯ ออกไปก่อน ด้วยในตอนนี้มี 3 คดีเข้ามาพร้อมกัน จะสามารถพิจารณาเรื่องของการโหวตนายกฯซ้ำก่อนได้เลยหรือไม่ ศาลจะมีขั้นตอนอย่างไร
นายวรวิทย์กล่าวว่า ผู้ตรวจเพิ่งส่งคำร้องมา เจ้าหน้าที่รับแล้วก็จะต้องพิจารณาไม่เกิน 2 วัน และเสนอตุลาการ ตุลาการคณะเล็กพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับ ซึ่งเขาอาจจะพิจารณาไปเลย หรือให้คณะใหญ่ โดยกฎหมายกำหนดให้คณะเล็กพิจารณาใน 5 วัน ทั้งหมดรวมเป็น 7 วัน เราก็ต้องทำตามขั้นตอน
“ศาลรัฐธรรมนูญจะพูดอะไรบางทีเป็นตำบลกระสุนตก พิจารณาเร็วก็ถูกหาว่าจะช่วยใครหรือไม่ พิจารณาช้าก็หาว่าดึงเรื่อง ฉะนั้นเราก็ต้องเดินตามเกม ตามกติกากฎหมาย ที่เขียนเอาไว้คงไม่เร็วและไม่ช้ากว่านี้” นายวรวิทย์กล่าว
นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เสริมว่า จะเอาคดีไหนขึ้นก่อนหลังนั้นตนบอกได้เลยว่ามันไม่เหมือนกัน หลังจากเรารับแล้วมันขึ้นอยู่กับการส่งคำโต้แย้งมา ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของคดีซึ่งกำหนดไม่ได้ จะไปดูประเด็นหรือการขอเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่ละคดีก็ไม่เหมือนกัน มันไม่สามารถบอกได้ว่าคดีไหนจะเสร็จก่อน มันเป็น Process ของแต่ละคดี เป็นเรื่องๆ ไป