สูตรปลดล็อกตั้ง ‘รบ.’ ไร้ 2 ลุง-ก.ก.โชว์พระเอก
พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกล มีเวลาได้หายใจหายคอในการหาสูตรตั้งรัฐบาลเพื่อเป็นทางออกให้ประเทศ เมื่อ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานรัฐสภา เลื่อนการประชุม 2 สภาจากเดิมวันที่ 27 กรกฎาคมออกไปเป็นวันที่ 4 สิงหาคม เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะเป็นนายกฯ
เพื่อรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งจากที่ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งคำร้องขอให้วินิจฉัยว่ามติรัฐสภา 395 ต่อ 312 เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมว่าการเสนอชื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล เพื่อโหวตเป็นนายกฯเป็นการเสนอญัตติซ้ำตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อ 41 นั้นขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
ขณะเดียวกัน ครม.มีมติให้วันที่ 31 กรกฎาคมเป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษอีก 1 วัน ส่งผลให้มีวันหยุดยาวติดต่อกัน 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม-2 สิงหาคม
ทำให้สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยผ่อนคลายลงบ้างหลังเจอประเด็นร้อนๆ กับข่าวการฉีกเอ็มโอยู 8 พรรคทิ้ง แล้วเปิดสูตรใหม่ข้ามขั้วตั้งรัฐบาลไฮบริด จนเจอทัวร์ชุดใหญ่ลงรัวๆ
อย่างไรก็ตาม การจัดตั้งรัฐบาลยังมีกุญแจล็อกที่ไม่อาจเปิดไปสู่เก้าอี้นายกฯเพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้ง่ายๆ
จากที่พรรคก้าวไกล แกนนำจัดตั้งรัฐบาลเบื้องแรก โดยชู “พิธา” เป็นนายกฯ แต่ไขประตูไม่ผ่านด่าน 375 เสียงจากรัฐสภา โดยถูก 188 เสียง ส.ส.ขั้วตรงข้าม กับ ส.ว.ส่วนใหญ่ขวางเอาไว้ โดยอ้างว่ารับไม่ได้กับนโยบายของพรรคก้าวไกลที่ชูว่าจะแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112
เมื่อเปลี่ยนมือมาให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทนก็ใช่ว่าจะผ่านด่าน 375 เสียงได้สะดวกดาย จึงจัดโชว์คุยกับพรรคต่างๆ ที่อยู่นอกเอ็มโอยูและ ส.ว.เพื่อสอบถามถึงเงื่อนไขต่างๆ ที่จะช่วยโหวตนายกฯรอบใหม่
พรรคเพื่อไทยเตรียมนัดประชุมแกนนำ 8 พรรคในเร็วๆ นี้ก่อนรัฐสภาจะนัดโหวตวันที่ 4 สิงหาคม เพื่อแจ้งเสียงสะท้อนจาก ส.ส.ต่างขั้วและ ส.ว. ว่าแม้จะเปลี่ยนเป็นแคนดิเดตนายกฯจากพรรคเพื่อไทย แต่หากพรรคก้าวไกลยังอยู่ร่วมรัฐบาลก็จะไม่โหวตให้ หากจะปรับสูตรโดยดึงพรรคอื่นมาร่วมเป็นพรรคที่ 9 อย่างพรรคภูมิใจไทย ที่มี 71 เสียง ก็จะได้ 383 เสียง ไม่ต้องพึ่งเสียงจาก ส.ว.
แต่ทว่าพรรคภูมิใจไทยก็ยกเงื่อนตายไม่ร่วมด้วยหากมีพรรคก้าวไกลอยู่ ไม่เพียงแค่เรื่องมาตรา 112 แต่ยังอ้างถึงเคมีไม่ตรงกันเรื่องแนวทางการทำงาน
หากจะดึงพรรคพลังประชารัฐ 40 เสียง และพรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง ทั้ง 2 พรรคก็ยืนยันเหตุผลเดียวกับพรรคภูมิใจไทยว่าจะไม่ร่วมกับพรรคก้าวไกล ขณะที่พรรคก้าวไกลก็ย้ำว่า “มีเราไม่มีลุง” อีกทั้งก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยก็เคยประกาศว่าจะไม่ร่วมกับพรรค 2 ลุงเช่นกัน
การจัดตั้งรัฐบาลจึงอยู่ในภาวะ “ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก” ไม่ว่าจะปรับสูตรไหนล้วนมีปัญหาทั้งนั้น
พรรคเพื่อไทยต้องแก้โจทย์หินนี้คือ ต้องไร้เรื่องมาตรา 112 และต้องไม่มีพรรค 2 ลุงมาร่วม
จึงเปิดสูตรใหม่คือ พรรคเพื่อไทย 141 พรรคภูมิใจไทย 71 พรรคประชาธิปัตย์ 25 พรรคชาติไทยพัฒนา 10 พรรคประชาชาติ 9 รวม 256 เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร แต่เสียงปริ่มน้ำ หากจะให้มีเสถียรภาพหน่อยอาจดึงพรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง พรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง และพรรคเอสเอ็มอีบางส่วน ให้ได้ 272 เสียง
อีก 228 เสียงไปเป็นฝ่ายค้านคือ พรรคก้าวไกล 151 พรรคพลังประชารัฐ 40 พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 และพรรคเป็นธรรม 1
สูตรนี้แก้โจทย์แรกได้ แต่ยังมีโจทย์ตามมาอีกคือ เมื่อไม่มีพรรค 2 ลุงก็เสี่ยงที่ ส.ว.อาจไม่โหวตนายกฯให้ ดังนั้น จึงต้องเจรจากับฝั่ง ส.ส.ด้วยกัน โดยเฉพาะพรรคก้าวไกลให้ช่วยโหวตสนับสนุนเพื่อร่วมกันปิดสวิตช์ ส.ว.อย่างที่พรรคก้าวไกลเคยเรียกร้องก่อนหน้านี้ ก็จะผ่านฉลุย
แต่ปัญหาคือพรรคก้าวไกลจะยอมหรือไม่ เพราะมีมวลชนด้อมส้มสายฮาร์ดคอร์ และสมาชิกพรรคบางส่วนที่ต้องการให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม หากมีการเจรจาต่อรอง และมีข้อตกลงบางอย่าง อาทิ จะเร่งแก้รัฐธรรมนูญ โดย ส.ส.ร.ให้เสร็จภายใน 2 ปี อีกทั้งอาจนำนโยบายบางอย่างของพรรคก้าวไกลไปเป็นนโยบายรัฐบาลด้วย ก็อาจจะพอยอมกันได้ อีกทั้งพรรคก้าวไกลจะได้เสียงชื่นชมที่เป็นผู้เสียสละ ทลายด่าน ส.ว.เป็นคนปลดล็อกให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้
อีกทั้งสูตรนี้อาจเป็นชัยชนะในอีกรูปแบบหนึ่งของ 2 พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ที่พรรคหนึ่งเป็นผู้นำฝ่ายบริหาร อีกพรรคหนึ่งเป็นผู้นำฝ่ายค้าน
พรรคเพื่อไทยที่เคยแสดงฝีมือการบริหารให้เห็นมาแล้วในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับประชาชน
ขณะที่พรรคก้าวไกลก็โชว์ผลงานอันยอดเยี่ยมเมื่อครั้งเป็นฝ่ายค้านสมัยที่ผ่านมา ได้มีโอกาสอีกครั้งที่จะแสดงฝีมือเพื่อเพิ่มกระแสนิยมให้กับพรรค และในการเลือกตั้งครั้งหน้าอาจขึ้นมาเป็นฝ่ายบริหารบ้าง
นอกจากนี้ ใช่ว่าเมื่อตั้งรัฐบาลแล้วพรรคร่วมต่างๆ จะอยู่ยาวกันตลอดครบเทอม อาจมีปรับ ครม. เปลี่ยนพรรคใหม่ในอนาคตก็ได้
ดังนั้น สูตรตั้งรัฐบาลที่ไม่มีพรรค 2 ลุง และพรรคก้าวไกลเสียสละไปเป็นฝ่ายค้าน พร้อมโหวตหนุนนายกฯจากพรรคเพื่อไทยที่คาดว่าจะเป็น “เศรษฐา ทวีสิน” ซึ่งถือเป็นอีกคนที่มีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีกับพรรคก้าวไกล จึงน่าจะเป็นสูตรที่ตอบโจทย์ประเทศได้
แม้จะเป็นการตั้งรัฐบาลภายใต้กฎกติกาที่บิดเบี้ยว แต่ก็ยังอยู่บนกระดานประชาธิปไตย ดีกว่าจะไปสร้างเงื่อนไขให้อำนาจนอกระบบเข้ามาล้มกระดานอีก