ถอดรหัส‘ทักษิณ’กลับไทย ดีลการเมือง-ตั้งรัฐบาล?

หมายเหตุ – ความเห็นนักวิชาการกรณีประเมินการออกมาประกาศเดินทางกลับประเทศไทยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 10 สิงหาคม และสถานการณ์การเมืองที่อยู่ในขั้นตอนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีและการจัดตั้งรัฐบาล

ปุรวิชญ์ วัฒนสุข
อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์

ประเด็นนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับบ้าน แยกกับเหตุการณ์ทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเรื่องการตั้งรัฐบาล เรื่องโหวตเตอร์ เรื่องโหวตนายกฯ

Advertisement

การกลับบ้านของนายทักษิณ จึงไม่ใช่แค่นายทักษิณกลับบ้าน แต่คือเรื่องการเมืองด้วย และการที่นายทักษิณจะกลับบ้านได้หรือไม่ ก็เกี่ยวพันไปกับการเมืองที่กำลังพัฒนาไปในขณะนี้ โดยในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าการเมืองเปลี่ยนเร็วมาก ส่วนตัวยังตามไม่ทันเลย

ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องนายทักษิณกลับบ้าน เอาแค่ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุม 3 สิงหาคมนี้ ว่าจะรับหรือไม่รับคำร้อง กรณีมติรัฐสภาห้ามเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โหวตนายกฯรอบ 2 ว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ และการโหวตนายกฯวันที่ 4 สิงหาคมนี้ จะออกมาเป็นอย่างไรก่อน

การที่นายทักษิณจะกลับบ้าน ไม่ว่าจะมีดีลหรือไม่ ก็ยังคงเป็นสิ่งที่พูดกันบนพื้นฐานของความไม่แน่นอนสูงมาก จากนี้ไปอีก 10 วันข้างหน้า ยังไม่ทราบเลยว่าตกลงแล้ว 10 สิงหาคม จะกลับมาจริงหรือไม่

Advertisement

สำหรับการข้ามขั้ว คิดว่าสถานการณ์กำลังพัดพาไปในทางนั้น เราปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่พรรคเพื่อไทยร่วมชนแก้วมิ้นต์ช็อกกับแกนนำพรรคต่างๆ แม้พรรคเพื่อไทยจะพยายามบอกว่า 8 พรรค 312 เสียง มอบฉันทามติให้ดำเนินการเชิญพรรคการเมืองต่างๆ มาพูดคุยกัน เพื่อแสวงหาความเป็นไปได้ แต่สังเกตได้ว่าภาษากายในวันนั้น คนจำนวนไม่น้อยเกิดความสงสัยว่าจะมีการข้ามขั้วแน่ๆ ซึ่งส่วนตัวมองว่า มันคือเชื้อที่ทำให้เกิดการชุมนุมตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีจำนวนคนเข้าร่วมมากขึ้น เช่น ม็อบพร้อม 2 ที่จัดโดยนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด

ถามว่าข้ามขั้วได้หรือไม่ หากตอบในเชิงหลักการ คือการเมืองไทยขณะนี้ทุกอย่างเป็นไปได้หมด อยู่ที่ว่าหากจะไปในทิศทางนั้น ให้เหตุผลกับประชาชนอย่างไร แล้วประชาชนยอมรับได้มากน้อยแค่ไหน และเรื่องนี้จะเกี่ยวพันกับการที่นายทักษิณจะกลับบ้านด้วย

ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก่อนกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคเหมือนเดิมในวันเดียวกัน โดยระบุว่าเป็นการรีเซตกรรมการบริหารนั้น ตอนแรกที่มีข่าวออกมา คนมองไปแล้วเป็นการเปิดทางให้พรรคพลังประชารัฐเข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า พล.อ.ประวิตรมีบารมี มีอิทธิพลสูง

สภาวะตอนนี้การเมืองผันผวนสูงมาก วันที่มีการรีเซตกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ คิดว่ามันอาจจะดีกว่า ที่ พล.อ.ประวิตรจะยังคงอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าพรรคไปก่อน อย่างน้อยวันที่มีการโหวตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐที่ยังมี พล.อ.ประวิตรเป็นหัวหน้า จะยังสามารถมีอะไรพูดคุยในความเป็นไปได้กับพรรคอื่นๆ ณ วันนี้ ส่วนตัวมองว่าการที่ไม่เอาลุงออกไปทันที เพราะด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนเร็ว คงจะเซฟกว่า ถ้า พล.อ.ประวิตรยังอยู่ก่อน จึงแค่รีเซตกรรมการบริหารชุดใหม่ขึ้นมาโดยให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กลับมาเป็นเลขาฯพรรค

ประโยคที่ว่า ข่าวลือคือความจริงที่มาถึงก่อนเวลานั้น ในการเมืองไทยเป็นเช่นนี้มาตลอด ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็ตาม จากที่ดูนายจตุพร พรหมพันธุ์ มาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง มีการบอกซีเนริโอมาเป็นฉากๆ ไม่รู้ว่านายจตุพรและนายทักษิณ มีอะไรระหว่างกันมากน้อยแค่ไหน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า นายจตุพรคลุกวงในมานานเป็นสิบปี ฉะนั้นสิ่งที่พูดออกมา ตอนแรกคนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้คนหันมาสนใจ เขาอยู่ในแวดวงที่พอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ส่วนจะเป็นข้อมูลขนาดไหนก็ลองดูกันไปเรื่อยๆ

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า เวลานี้สถานการณ์เปลี่ยนเร็วมาก การจะกลับมาเป็นเรื่องที่นายทักษิณต้องคิดเยอะมากเราไม่รู้ว่าใครมีดีล มีข้อตกลงอะไรกับใครหรือไม่ อย่างไร สมมุติว่ามี ก็ต้องคิดไว้อย่างหนึ่งว่า ข้อตกลงใดๆ ก็ตามในทางการเมือง มันเปลี่ยนแปลงได้ตลอด จะกลับมาจริงหรือไม่ ไม่ทราบ

แม้มีคนพูดเยอะมากว่า นายทักษิณพูดมา 10-20 รอบแล้วว่าจะกลับ แต่ไม่เห็นกลับสักที ส่วนตัวเชื่อว่าครั้งนี้เขามีความตั้งใจจะกลับเป็นอย่างยิ่ง และลั่นวาจาว่าจะกลับจริงๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยเงื่อนไขทางการเมืองที่กำลังเดินหน้าไป จึงคิดว่ามีแนวโน้มเช่นกันว่านายทักษิณอาจจะไม่กลับมาตามนัด คิดในแง่ดีคือแค่เลื่อนเวลาออกไประยะหนึ่ง แต่ในแง่หนึ่งคือ อีกนานกว่าจะกลับ

จริงๆ จะกลับตั้งแต่วันเกิดในเดือนกรกฎาคมแล้ว แต่ด้วยเงื่อนไขทางการเมืองเปลี่ยน พอยิ่งสุดสัปดาห์ผ่านมา ยิ่งเปลี่ยนเร็ว จึงคิดว่า 10 สิงหาคมนี้อาจสุ่มเสี่ยงเกินไปถ้าจะกลับมาตามแผนเดิม

ก่อนเลือกตั้ง นายทักษิณประกาศว่าจะกลับบ้านแน่ เดือนพฤษภาคม การประกาศครั้งนั้นคือการหาเสียงอย่างหนึ่ง แต่ปรากฏว่า การหาเสียงครั้งนี้ด้วยยุทธวิธีนี้เสียงไม่มาคะแนนเทไปพรรคก้าวไกล นี่คือภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนไปอย่างแท้จริงของการเมืองไทย

พอมาถึงจุดนี้ ถ้าจะเดินหน้ากลับมา ต้องได้อย่างเสียอย่าง ไม่มีทางได้ทุกอย่างฟรีหมด ในเมื่อนายทักษิณจะกลับมา มันมีต้นทุน และต้นทุนคราวนี้สูงมากๆ จะแลกหรือไม่แลก ส่วนตัวก็รอดูพรรคเพื่อไทยอยู่

 

โอฬาร ถิ่นบางเตียว
อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

ถ้ าให้ถอดรหัส นายทักษิณ ชินวัตร กลับไทย มองดูแล้วถ้าหากจะกลับประเทศไทยจริง นายทักษิณจะต้องมีแก้ว 3 ดวงในมือก่อน เพราะเกมนี้คือเกมประชาธิปไตยของชนชั้นนำ โดยชนชั้นนำ เพื่อชนชั้นนำ โดยอาศัยกระบวนการเลือกตั้งของประชาชนเป็นเพียงทางผ่าน เพื่อถ่ายโอนอำนาจไปให้ชนชั้นนำ เมื่อมีอำนาจแล้วก็เป็นเรื่องของการต่อรองในฐานะชนชั้นนำ ขณะนี้ นายทักษิณมีเพียงแค่ฝ่ายนิติบัญญัติคือ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่สามารถชี้นิ้วบงการได้ ถือว่าเป็นแก้วดวงที่ 1 แต่ขณะนี้ยังไม่ได้นายกรัฐมนตรี ถ้าหากนายทักษิณไม่ได้นายกรัฐมนตรี ถือว่าแทบไม่มีอำนาจในการต่อรอง ทำให้เป็นเงื่อนไขที่นายทักษิณกลับประเทศไทยไม่ได้ เพราะหากจะกลับประเทศไทยจะต้องได้นายกรัฐมนตรี มองดูแล้วเป็นเรื่องยาก เพราะฝั่งที่มีอำนาจ หรือกลุ่มชนชั้นนำ ได้มีการยื่นคำขาดว่าจะต้องไม่มีพรรคก้าวไกล ถือเป็นแก้วดวงที่ 2 ยังไม่สำเร็จ

ซึ่งพรรคเพื่อไทยไปไม่ได้เพราะติด MOU เป็นเชือกรัดคออยู่ ทำให้นายทักษิณไม่ได้รับสัญญาณตอบรับจากปลายสาย จากเลขหมายที่ท่านเรียก เมื่อวันที่29 กรกฎาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้มวลชนเสื้อแดงได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เพราะนายทักษิณกุมอำนาจคนเสื้อแดงไม่ได้ ถือว่าเป็นแก้วดวงที่ 3 คือฐานของประชาชน เท่ากับว่าแก้ว 3 ดวงที่นายทักษิณคาดว่าหากได้แก้ว 3 ดวง ก็จะมีอำนาจต่อรอง แต่ขณะนี้มีแต่ประธานสภาผู้แทนราษฎร คิดว่าโอกาสของนายทักษิณจะกลับประเทศไทยถือว่าค่อนข้างยากมาก เพราะไม่สามารถสร้างนายกรัฐมนตรีได้ รวมทั้งไม่สามารถคุมมวลชนได้อีกด้วย

ส่วนกรณีดีลลับที่นายทักษิณมีกับแกนนำของพรรคอื่นๆ ได้มีการยืนยันกันแล้ว หากจะรวมกันได้ จะต้องไม่มีพรรคก้าวไกล ประกอบกับชนชั้นนำได้ข้อสรุปแล้วว่า พรรคต่างๆ รวมกับพรรคเพื่อไทยได้ เอานายทักษิณกลับประเทศไทยได้ หรือพรรคเพื่อไทยอาจจะมีนายกรัฐมนตรีได้ แต่ต้องไม่มีพรรคก้าวไกล แต่นายทักษิณ รวมทั้งพรรคเพื่อไทยทำไม่ได้ เพราะกลัวพรรคก้าวไกลมาก เกมการเมืองของพรรคก้าวไกลมีชั้นเชิงในการหลอกพรรคเพื่อไทยจนหัวหมุน ปั่นป่วนไปหมด จนทำให้พรรคเพื่อไทยแกะไม่ออกจากพรรคก้าวไกล เว้นเสียแต่ตัดทิ้งพรรคก้าวไกล แล้วไปอยู่ข้าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถึงจะมีโอกาส

หากดูความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลทำทีให้พรรคเพื่อไทยไปได้ แต่ไม่มีลุง ไม่มีเรา แต่ล่าสุด พล.อ.ประวิตรยังกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคเหมือนเดิม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กลับมาเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐเหมือนเดิม มองดูแล้วถือว่ายืนยันพร้อมที่ต่อสู้ทางการเมือง โดยไม่ให้ราคาพรรคก้าวไกล และไม่กลัวพรรคเพื่อไทย รวมทั้งยังบีบพรรคเพื่อไทยให้ตัดสินใจอีกด้วย หากโหวตนายกรัฐมนตรีไม่ได้ก็จะไหลไปพรรคภูมิใจไทยและ พล.อ.ประวิตร และยังมีการตั้งธงว่า พล.อ.ประวิตรจะเป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากมีการบีบพรรคเพื่อไทยให้มีการแถลงให้ทิ้งพรรคก้าวไกล แต่เมื่อไม่มีการแถลง สัญญาณเลยเปลี่ยนหมดเลย ทุกอย่างจึงเปลี่ยนสเต็ปหมดเลย กลายเป็นแผน 2 คือ พล.อ.ประวิตรประกาศเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐต่อไป และเอา ร.อ.ธรรมนัสมาเป็นเลขาธิการพรรค และเอา พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ มาเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคคนใหม่ ซึ่งมองดูแล้วเป็นการเกทับพรรคเพื่อไทย ทำให้พรรคเพื่อไทยหมดราคา

ถ้าให้มองกระแสข่าวว่า พล.ต.อ.พัชรวาทจะมานั่งรองนายกรัฐมนตรีคุมตำรวจ ร.อ.ธรรมนัสคุมกระทรวงแรงงาน เรื่องนี้มองไปแล้ว พล.ต.อ.พัชรวาท เดิมเป็นตำรวจมีสายสนกลใน จึงต้องการคุมตำรวจและคุมกระทรวงมหาดไทยไปด้วย พล.อ.ประวิตรก็ต้องเป็นนายกรัฐมนตรี การที่พรรคพลังประชารัฐต่อรอง ก็เนื่องจากมีอำนาจสูงกว่าพรรคเพื่อไทย ทำให้สามารถเสนออะไรก็ได้ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยไม่ทิ้ง 8 พรรคร่วมเพราะต้นทุนสูง จึงเป็นข้อด้อยของพรรคเพื่อไทย

หาก พล.อ.ประวิตรขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี หลายคนอาจจะมองว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย หากมองไปแล้วเหมือนกับจะมีอะไรแปลกๆ เพราะฝ่ายอนุรักษนิยมจะมีเพียง 188 เสียงและบวกกับ ส.ว. ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยไม่ได้ แต่จะทำอย่างไรให้เกิดความระส่ำระสายในพรรคเพื่อไทย เพราะมองดูแล้วพรรคเพื่อไทยฉีก MOU ไม่ได้ แต่ยังมีกลุ่มบ้านใหญ่ กลุ่ม ส.ส.นักเลือกตั้ง คนเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องไปแคร์กับกระแสสังคมมาก เพราะตัวเองมีฐานคะแนนเสียงที่ดีอาทิ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุชาติ ตันเจริญ และพวกที่เคยย้ายมาจากพรรคพลังประชารัฐ และ ส.ส.บางส่วนจากพรรคก้าวไกล ตอนนี้เริ่มมีอาการงูเห่าเกิดขึ้น ซึ่ง ส.ส.เหล่านี้สามารถเติมให้ได้มากกว่า 251 เสียงได้อยู่แล้ว ถือว่าเกินครึ่งหนึ่งมีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนตัวมั่นใจจะไม่ตั้งรัฐบาล 188 เสียงแน่นอน เพราะไม่เช่นนั้นคนจะลงถนน ที่สำคัญแกนนำของพรรคการเมืองพูดแล้ว จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยไม่ได้ เพราะบริหารไม่ได้ ที่สำคัญเสียมากกว่าได้ หากมีเสียง 250 ขึ้นไปจะมีความชอบธรรมมากกว่า ถึงแม้ว่าจะมีการประท้วงบ้างก็ตาม แต่หาเหตุผลยากมากที่จะรวมตัวประท้วง ประกอบกับให้พรรคอันดับ 1 อันดับ 2จัดตั้งรัฐบาลแล้วไม่ได้ เพราะต้องอาศัยเสียง ส.ว. ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากรัฐธรรมนูญที่เขียนไว้ ทำให้เอื้อต่อกลุ่มอำนาจเดิมค่อนข้างได้เปรียบ

ถ้าพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ นายทักษิณก็ไม่มีโอกาสกลับประเทศไทย หากมองดูแล้วช่วงนี้นายทักษิณมีโอกาสมากๆ แต่ปัญหามาจากนายทักษิณไม่สามารถสลัดพรรคก้าวไกลออกไปได้ และจะไม่มีโอกาสกลับไทยได้อีกเลย เพราะเที่ยวนี้ถือว่าเป็นรถด่วนขบวนสุดท้าย น่าสงสารเหมือนกัน

หากพรรคเพื่อไทยต้องการฉีก MOU ทำได้เหมือนกันเพราะพรรคเพื่อไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ไหนๆ ก็โดนวิพากษ์วิจารณ์หนักแล้วก็ฉีก MOU ไปเลย เพื่อจะได้คุมอำนาจก่อน หากได้นายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลเสมือนว่าได้แก้วดวงที่ 2 หลังจากนั้นให้ออกไปหาประชาชนให้มากที่สุด ซึ่งจะทำให้กลุ่มคนที่รักนายทักษิณเห็นว่าทำไมต้องฉีก MOU เพราะต้องการไปช่วยเหลือประชาชน อย่างน้อยจะทำให้แก้วดวงที่ 3 เกิดขึ้นแล้ว

หลังจากนั้นพรรคเพื่อไทยแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทต่อคนเลย เหมือนกับปิดปากประชาชน เพราะเป็นความตั้งใจของนายทักษิณที่ต้องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับประชาชน แต่ปัญหาตอนนี้ไม่ยอมสละพรรคก้าวไกล ทำให้ชนชั้นนำมองว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีความจริงใจ ก็เลยไม่รับโทรศัพท์ขาดการติดต่อไปเลย และยังเป็นการบีบพรรคเพื่อไทย ถ้าคุณทำแบบนี้ ผมจัดหนักเชื่อว่า ส.ส.ส่วนหนึ่งของพรรคเพื่อไทยย้ายมาแน่

ซึ่งในเรื่องนี้ได้ข่าวว่า มีการบีบพรรคเพื่อไทยให้แถลงข่าวทิ้งพรรคก้าวไกลมาตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคมแล้ว แต่ไม่มีการแถลงถือว่าไม่จบ และน่าเกลียดมาก ศาลยังไม่วินิจฉัยเกี่ยวกับการเลือกนายกรัฐมนตรีเลย แต่มีข่าวออกมาแล้วจะเลือกนายกรัฐมนตรี มองดูแล้วทุกอย่างวางไว้หมดแล้ว พอนายทักษิณไม่ชัดเจนเท่านั้น ก็ยกเลิกเงื่อนไขนี้ ถ้าวันที่ 4 สิงหาคมไม่ชัดอีก ทั้งนายเศรษฐา ทวีสิน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จบหมด ตราบใดที่ยังอยู่เงื่อนไข MOU 8 พรรคร่วม ถ้ายังมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล สมการไหนที่จัดตั้งรัฐบาลถือว่าร่วงหมด ไม่ว่าจะเอาพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนามาเติม เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว. ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็บอกว่า หากจะร่วมรัฐบาลจะต้องไม่มีพรรคก้าวไกลเท่านั้น

หากนายทักษิณต้องการกลับประเทศไทย ต้องฉีก MOU เท่านั้น เพื่อให้ได้นายกรัฐมนตรี รวมทั้งเน้นนโยบายเรียกคะแนนเสียงประชาชน ก็จะได้แก้วรวมทั้งหมด 3 ดวง และจะต้องอยู่กับพรรคลุงเท่านั้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image