เดินหน้าชน : ‘10เดือน’รอได้

 แม้จะดูเหมือนว่าการผนึกกำลังของ 8 พรรคเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ดูท่าทางอ่อนระโหยโรยแรงลงไปทุกวัน 

อาจเป็นเพราะอีกขั้วการเมืองต่างระดมสรรพกำลังทั้งใต้ดิน บนดิน

พยายามยื้อยุดฉุดกระชากไม่ให้ 8 พรรคเดินหน้าไปสู่ฝั่งฝันตามเจตนารมณ์เอ็มโอยูที่ได้ตกลงร่วมกันไว้

และอาจมีปัจจัยเรื่อง นายทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางกลับประเทศไทยเข้ามาเกี่ยวข้อง

Advertisement

แม้กระนั้นฟากฝั่ง 8 พรรคก็ไม่ได้ยอมแพ้ง่ายๆ โดยเฉพาะฝั่งก้าวไกล

ดูจากท่าทีแกนนำ มีการพูดถึงดีเลย์ แทคติคหรือการถ่วงเวลายื้อเวลา รอให้จนกระทั่งครบ 10 เดือน วันที่ 11 พฤษภาคม 2567 

สมาชิกวุฒิสภาทั้ง 250 คน จะหมดอำนาจในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

Advertisement

เห็นได้จากท่าทีอันชัดเจนและดุเดือดของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส..บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่า 

ผมไม่เคยคิดจะแยกออกจากภาคีพรรคร่วม จะโหวตกี่ครั้งก็ได้ อย่างไรก็ไปด้วยกัน จะ 100-200 ครั้งก็ได้ จะต้องรออีก 10 เดือนก็ต้องรอ เราจะไม่มีทางหันหลังหรือทำผิดต่อเพื่อนอย่างแน่นอน ณ วันนี้เราไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่พยายามทำตัวเป็นสมาชิกในทีมให้เกียรติแกนนำคือพรรคเพื่อไทยอย่างมากที่สุด ให้ทำงานได้เต็มที่

วันนี้เราต้องมีน้ำอดน้ำทน จะว่าหน้าด้านก็ได้ แต่ต้องหน้าด้านสู้ฝั่งอำนาจเก่า ถามว่าทำไมก้าวไกลไม่ออก 2 สัปดาห์ก่อน มีกระแสในโซเชียลว่าให้ก้าวไกลออกมาเป็นฝ่ายค้านเลย 4 ปีรอได้ แต่วันนี้ เมื่อหลายคนได้ฟังทฤษฎีคำสอนของพ่อตนที่ว่า เจอคนหน้าด้านต้องหน้าด้านกว่า ตอนนี้กระแสในโซเชียลน่าจะเกือบเอกฉันท์ โดยเปลี่ยนการตัดสินใจกันเกือบหมดแล้ว ว่าต้องสู้ต่อ

จะรอจนว่าสุดท้าย เชื่อผมเถอะว่าสุดท้ายจะไม่ถึง 10 เดือน วันนี้ที่กลุ่มอนุรักษนิยมสืบทอดอำนาจพยายามเสี้ยม พยายามกดดัน เพราะคิดว่าเรารอกันไม่ไหว แต่ถ้า 8 พรรคบอกว่ารอได้ ไม่รีบไม่ร้อน เชื่อว่าสุดท้ายไม่ถึง 10 เดือนนายวิโรจน์ระบุ

ขณะเดียวกันก็มีเสียงคัดค้านดังกระหึ่มมาจากอีกฟาก ทั้งคนในรัฐบาลชุดปัจจุบัน อาจจะเกรงว่า หากปล่อยไปถึง 10 เดือน อาจทำให้กลุ่มอำนาจเก่าหมดพลัง

รวมทั้งภาคธุรกิจรายใหญ่บางรายก็ยังคัดค้าน เพราะกังวลนโยบายลดการผูกขาดทางธุรกิจของก้าวไกล

แต่ก็มีเอกชนบางส่วนที่เห็นว่า สามารถรอได้ เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่า

อย่างไรก็ตาม มีข้อเสนอการปลดล็อกปัญหาผลกระทบกับการรอ 10 เดือน ผ่านความเห็นจาก นายกัณวีร์ สืบแสง ส..บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคเป็นธรรม เผยผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า

ไม่ถือเป็นการรอที่เสียเวลาเปล่าเพราะภายใน 10 เดือนนี้ ประเทศยังเดินหน้าไปได้ เพราะมีกลไกรัฐสภา

10 เดือนนี้ควรจัดทำนโยบายรัฐบาลตามความเร่งด่วนของประชาชน โดยคณะทำงานภายใต้คณะกรรมการประสานงานช่วงเปลี่ยนผ่าน

จัดเวทีรับฟังข้อเสนอภาคประชาชนต่อกระบวนการนิติบัญญัติร่วมกัน เร่งรัดพิจารณาร่างกฎหมายที่ค้างมาตั้งแต่สมัยที่แล้ว

แม้ไม่มีรัฐบาล เรายังมีกลไกสภาขับเคลื่อนประเทศไปได้ โดยการใช้อำนาจนิติบัญญัติ การพิจารณาร่างกฎหมายต่างๆ เหล่านี้สภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจเหนือกว่าวุฒิสภาอยู่แล้วตามกรอบของรัฐธรรมนูญ ดังนั้น การพิจารณาร่างกฎหมาย ฝั่งประชาชนและ ส..จะสามารถทำได้จริงจังช่วง 10 เดือนนี้แน่นอน

ส่วนเรื่องงบประมาณรายจ่ายปี’67 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดว่าจะล่าช้า ประกาศใช้ได้มีนาคม 2567 สามารถเลือกได้ว่าจะนำกรอบงบประมาณและร่างงบเดิมมาใช้ หรืออาจจะทบทวนทั้งฉบับก็ได้ ถือเป็นอำนาจของรัฐบาลใหม่ ดังนั้นยังมีเวลาเรื่องงบประมาณ

เมื่อเรามีรัฐบาลมาจากประชาชนแล้ว เจ้าของอำนาจที่แท้จริงจะสามารถกำหนดทิศทางการพัฒนาและการเมืองตนเองได้

และท้ายสุด ไทยจะมีจุดยืนแห่งการเป็นผู้นำในเวทีระหว่างประเทศอย่างสง่าผ่าเผย

รอเถอะครับ จับมือกันให้แน่น ทั้ง 8 พรรค อนาคตประเทศและประชาชนเจ้าของอำนาจที่แท้จริงรอพวกเราอยู่ครับนายกัณวีร์ระบุ

มารอดูกันว่าฟาก 8 พรรค จะสามารถฝ่าด่านหิน ยื้อจนกระทั่งถึง 10 เดือน ได้จริงหรือไม่

สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image