คาดหวัง ‘ก้าวไกล’ สำแดงฤทธิ์’ฝ่ายค้าน’ โชว์ตรวจสอบเข้ม ‘รบ.’

คาดหวัง’ก้าวไกล’ สำแดงฤทธิ์’ฝ่ายค้าน’ โชว์ตรวจสอบเข้ม ‘รบ.’

ภายหลังจัดตั้งรัฐบาลและดันชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้ฟอร์มทีม ภายหลังจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ จนกระทั่งในที่สุด เมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรค พท. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท. และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค พท. ตั้งโต๊ะแถลงยกเลิกพันธสัญญา หรือเอ็มโอยู 8 พรรค

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะไม่มีพรรค ก.ก.ร่วมอยู่ในรัฐบาลที่กำลังจะจัดตั้ง ส่งผลให้สถานการณ์วันนี้พรรค ก.ก.ที่รู้ชะตากรรมต้องปรับบทบาทให้มาเป็นพรรคฝ่ายค้าน ผู้ตรวจสอบ จะสามารถพิสูจน์ฝีมือเรียกเรตติ้งได้ดีแค่ไหนนั้น

สำหรับมุมมองนักวิชาการอย่าง ปุรวิชญ์ วัฒนสุข อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ วิเคราะห์ว่า จริงๆ แล้วพรรค ก.ก.เตรียมตัวเป็นฝ่ายค้านตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งด้วยซ้ำ โดยไม่ได้คาดคิดว่าจะได้คะแนนเสียงมากขนาดนี้

Advertisement

เกมนี้ส่วนตัวมองว่ามีการเตรียมตัวไว้อยู่แล้วว่าแม้ไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ไม่ได้เสีย แต่ต้องดันให้มันสุดทาง พอมาถึงวันนี้ กระแสทัวร์ไปลงพรรค พท. ถ้าถามผม ในการทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านของพรรค ก.ก.ตลอด 4 ปีเห็นผลงานเขาอยู่แล้ว และตอนนี้เขาเตรียมค้านอยู่แล้ว

การที่พรรค ก.ก.เป็นฝ่ายค้านในสภาย่อมเข้มข้นอยู่แล้ว อีกทั้งชัดเจน ตรงไปตรงมา อย่างการอภิปรายเรื่องตั๋วช้างของ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. จัดหนัก การเมืองไทยในอดีตถึงปัจจุบันในสภาใส่กันเต็มที่อยู่แล้ว แต่สัจธรรมที่เห็นคือ ออกมานอกสภาไปกินข้าวกันก็มีอยู่

ปุรวิชญ์ยังกล่าวถึงพรรค พท. พูดกันตามตรงว่ามีหลายมุ้ง หลายก๊ก ไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จะเห็นได้ว่าช่วงที่ผ่านมา กลุ่มหนึ่งพูดอย่างหนึ่ง อีกกลุ่มหนึ่งพูดอีกอย่างหนึ่ง แต่ละกลุ่มแต่ละก้อน เชื่อว่าอาจจะมีแผลอะไรบางอย่าง พรรค ก.ก.ต้องการสร้างคะแนนนิยมอยู่แล้ว สมัยหน้าจะได้แลนด์สไลด์ ดังนั้น การเป็นฝ่ายค้านครั้งนี้น่าจะดุเดือดไม่แพ้ 4 ปีที่ผ่านมา

Advertisement

“อย่างไรก็ตาม มีกระแสพูดถึงการยุบพรรคด้วย ซึ่งสิ่งที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯและหัวหน้าพรรค ก.ก.โดน ทำให้นึกถึงกรณีพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) แต่เห็นได้แล้วว่าต่อให้ยุบพรรค อนค.ก็มีพรรค ก.ก.เกิดขึ้นมา แล้วทำงานในสภาอย่างเข้มข้นมาก ขนาดมีพื้นที่ให้นิดเดียวยังสร้างความแสบๆ คันๆ ยังรบกวนใจคนมีอำนาจได้ขนาดนั้น บทบาทฝ่ายค้านของพรรค ก.ก.เข้าตาคน ทำให้คนพูดถึงหลายๆ เรื่องที่สังคมไม่กล้าพูด สำหรับรอบนี้สิ่งที่น่ากลัวเป็น worst case คืออาจไม่ใช่แค่การยุบพรรค ก.ก. แต่จะไม่ให้พรรค ก.ก.ได้มีโอกาสแสดงบทบาทการเมืองเลยในระยะยาว” อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ระบุ

ปุรวิชญ์กล่าวว่า ส่วนการที่พรรค ก.ก.และพรรค พท.เคยเป็นฝ่ายค้านมาด้วยกัน 4 ปีนั้น ถ้าเปรียบเทียบเป็นคน 2 คน ผมว่าเคมีไม่เข้ากันตั้งแต่แรก แม้อาจจะอ้างว่าเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ว่ากันไป แต่เคมีไปด้วยกันไม่ค่อยได้ตั้งแต่ในช่วงที่เป็นฝ่ายค้าน ต่อมาในช่วงหลังเลือกตั้งใหม่ๆ เมื่อพรรค ก.ก.ชนะแล้วประกาศตั้งรัฐบาล เขียนเอ็มโอยู เท่าที่ดูจากภาษากายเห็นแล้วว่าผู้นำพรรค ก.ก.กับพรรค พท.มีความอึดอัดอะไรบางอย่าง แม้กระทั่งตอนทำมินิฮาร์ตเหมือนจำใจทำ ภาษากายไม่ได้บอกเลยว่ามีความสบายใจที่จะอยู่ด้วยกัน เหมือนเป็นไฟต์บังคับมากกว่า จริงๆ คงจะแยกทางมา 1-2 สัปดาห์แล้ว แต่จังหวะเวลาไม่ได้ เลยมาลงตัวที่ 2 สิงหาคม

นอกจากนี้ ส่วนตัวยังไม่เชื่อว่า นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรค พท. จะได้เป็นนายกฯในการโหวตครั้งต่อไป ต้องรอดูว่าจะมีพรรคไหนมาร่วม ทัวร์ลงเยอะ นายเศรษฐาก็เหนื่อย สมมุติถ้าไม่ได้จะนำไปสู่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือไม่ ต้องรอดู

ขณะที่ รศ.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต มองเรื่องบทบาทฝ่ายค้านพรรค ก.ก.ว่า 4 ปีที่ผ่านมาในฐานะฝ่ายค้านไม่เคยทำให้ผิดหวัง ดังนั้น พรรค ก.ก.ต้องทำบทบาทนี้อย่างจริงจังแม้ว่าจะเป็นรัฐบาลพรรค พท. พูดง่ายๆ ว่า ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลพรรค ก.ก.ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างจริงจัง ทั้งเชิงนโยบาย การดำเนินงานของรัฐบาลและรัฐมนตรีที่ถูกตรวจสอบอย่างลึกซึ้ง

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นไม่น่าใช่การอภิปรายพรรค พท.เพราะเพิ่งเริ่มต้นในการทำงานในบทบาทพรรครัฐบาล แต่น่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเดิมที่พรรค พท.ไปดึงมา ได้กระทำงานต่างๆ มาแล้ว 4 ปี ยังไม่ถูกนำไปชำแหละให้เข้าใจ ให้เห็นถึงบทบาทต่างๆ รวมทั้งกระบวนการคอร์รัปชั่นที่ยังคงค้างจากรัฐบาลที่แล้วด้วย

“ผมคิดว่าพรรคที่เคยร่วมรัฐบาลมาก่อนจะเป็นพรรคกลุ่มแรกๆ ที่พรรค ก.ก.จะสามารถทำงานได้มากกว่าการพุ่งเป้าไปที่พรรค พท.ซึ่งไม่ได้เป็นรัฐบาลมานานเกือบทศวรรษแล้ว ดังนั้น ในฐานะของการเป็นรัฐบาลมันเพิ่งเริ่มต้น ภารกิจของพรรค ก.ก.น่าจะทำให้รัฐบาลเพื่อไทยตระหนักว่าอะไรคือนโยบายที่หาเสียงกับประชาชน แล้วจะทำหรือไม่ และนโยบายที่หลีกเลี่ยงไม่ทำเพราะอะไร ตรงนี้จะค่อยๆ เป็นตัวชี้ให้เห็นว่าพรรค พท.อยู่กับร่องกับรอย อยู่กับประชาชนจริงหรือไม่ ต้องการทำเพื่อประชาชนจริงหรือไม่ นี่จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ฝ่ายรัฐบาลพรรค พท.กระอักกระอ่วน” รศ.ธำรงศักดิ์ระบุ

รศ.ธำรงศักดิ์ยังมองว่า พรรค พท.และพรรค ก.ก.ส่วนตัวไม่ได้มองว่าทั้ง 2 พรรคเคมีไม่เข้ากัน เพราะถ้าดูทิศทางการหาเสียงของพรรค ก.ก.ตามด้วยพรรค พท.ที่เดินตามกระแสแรงกดดันทางสังคม จนพรรค พท.ต้องประกาศไม่เอา 2 ลุง ประกาศแก้กฎหมายหลายอย่าง ประกาศยกเลิกการเกณฑ์ทหาร พรรค พท.ตระหนักดีถึงความต้องการของประชาชน ดังนั้น ถ้ามองอย่างนี้ก็หมายความว่า ไม่ใช่ว่าเคมีของ 2 พรรคไม่เข้ากัน มันเข้ากัน เพียงแต่พรรค พท.อาจมีเกมที่ซ่อนอยู่หรือไม่ นั่นคือความต้องการให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับบ้าน กลายเป็นเกมที่ทำให้ตัวแสดง หรือทรัพยากรทางการเมืองของพรรค พท.ต้องเปลี่ยนคำพูดก่อนและหลังเลือกตั้งเป็นคนละเรื่อง ถ้าไม่มีติ๊กต็อก หรือคลิปวิดีโอของอดีตมาตรวจสอบคงไม่สามารถยืนยันกันได้ แต่ในยุคนี้มีคลิป

ในช่วงบ่ายของวันที่ 2 สิงหาคม คนรู้สึกผิดหวังอย่างแรง แม้ว่าจะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่อดจะเสียใจไม่ได้ ส่วนตัวมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นการทำลายพลังของฝ่ายประชาธิปไตยที่รู้สึกว่านี่คือฟางเส้นสุดท้ายที่จะรักษาระบอบที่ผลักดันกันมาเนิ่นนาน เหตุการณ์นี้ ทำให้คนจุกอก คงต้องนั่งร้องไห้ไป 7 วัน

ดังนั้น ต้องรอติดตามว่าบทบาทนักตรวจสอบ นักชำแหละของพรรค ก.ก.จะดุเดือดเจ็บแสบแค่ไหน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image