‘ภูมิธรรม’ มั่นใจตั้ง รบ.สำเร็จ เผยยังไม่คุยเก้าอี้รมต. รอความชัดเจนคนนั่งนายกฯ บอกเป็นแค่ข่าวลือข่าวทิพย์

‘ภูมิธรรม’ มั่นใจตั้ง รบ.สำเร็จ เผยยังไม่คุยเก้าอี้รมต. รอความชัดเจนคนนั่งนายกฯ บอกเป็นแค่ข่าวลือข่าวทิพย์

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 สิงหาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีช่วงหลังนายเศรษฐา ทวีสิน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท. ต่างเงียบทั้งคู่ว่า ไม่ได้เงียบ ทั้งคู่ก็เดินเข้าพรรคอยู่เป็นปกติ ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่ดินของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่เกี่ยวข้องกับนายเศรษฐาก็มีการชี้แจงแล้ว ซึ่งคนที่จะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมีคนตรวจสอบอย่างเข้มข้น และถือเป็นเรื่องดีที่จะมีการตรวจสอบเพื่อที่จะได้เกิดความสบายใจ เพราะเราไม่ได้มีอะไรที่จะปิดบังอำพราง ทุกอย่างที่เราทำไปเราก็มั่นใจว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของเรานั้นเราได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติก่อนที่จะมีการเสนอชื่ออยู่แล้ว

เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลที่มีกระแสข่าวว่าพรรคต่างๆ ที่ไปเจรจาต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีเป็นจำนวนมาก นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นข่าวลือข่าวทิพย์ เพราะที่ผ่านมายังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องตำแหน่งเลย มีเพียงการพูดคุยว่าถ้าบรรยากาศเป็นเช่นนี้แล้ว พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว การที่จะมีรัฐบาลใหม่โดยมีนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านทั้งหลายเห็นอย่างไร ซึ่งก็ให้ทราบว่าหากยอมรับให้นายเศรษฐาและพรรค พท.เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลก็ช่วยสนับสนุนนายเศรษฐา และตนได้ระบุไปอย่างชัดเจนแล้วว่าวันนี้เรากำลังเลือกนายกรัฐมนตรีบนสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เป็นสถานการณ์ที่บ้านเมืองวิกฤตมามากมายพอสมควร ยิ่งปล่อยให้มีการจัดตั้งรัฐบาลช้าก็ยิ่งทำให้ประเทศมีวิกฤตมากขึ้น

นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า เมื่อวานนี้ (3 สิงหาคม) มีข่าวว่าเลื่อนโหวตนายกรัฐมนตรี กระดานหุ้นก็แดงทั้งกระดาน ซึ่งชัดเจนว่าคนต้องการที่อยากจะได้รัฐบาลใหม่เร็วเพื่อเข้ามาแก้ปัญหา ทั้งนี้ ย้ำว่าหากศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้มีการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินร้อง เราก็ไม่อยากจะทำอะไรที่ทำให้มีความรู้สึกว่าเราไม่ได้สนใจศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเราฟังคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ การเลื่อนออกไปประมาณ 10 วันก็ถือว่าดี

Advertisement

นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประเทศของเราอยู่ในวิกฤต ซึ่งมีความขัดแย้งในมิติต่างๆ ฉะนั้น การที่จะได้นายกรัฐมนตรีมา พยายามเป็นนายกรัฐมนตรีที่ให้ทุกฝ่ายได้เห็นได้คุยและสบายใจ จนกระทั่งสามารถเลือกมาได้ จะเป็นกระบวนการที่สร้างความเชื่อมั่นและทำงานได้อย่างดีที่สุด ในส่วนนี้เรายังคุยกันอยู่ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ก็ได้โทรศัพท์มาคุยกับตน ซึ่งก็ไม่มีอะไร

เมื่อถามว่า ได้พูดถึงเรื่องรัฐมนตรีกับพรรคต่างๆ บ้างแล้วหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ปกติจะมีการพูดคุยกันถึงเรื่องตำแหน่งหลังจากที่มีการฟอร์มรัฐบาลและได้นายกรัฐมนตรีแล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้เสนอเรื่องกระทรวง เราเสนอเรื่องที่ว่าเห็นด้วยหรือไม่ที่จะได้นายกรัฐมนตรีเป็นนายเศรษฐา หากเห็นชอบก็ร่วมกันโหวต

“ขณะนี้แบ่งกระทรวงไม่ได้เพราะยังไม่รู้ว่าจำนวนตัวเลขที่จะจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นอย่างไร เนื่องจากมีจำนวนที่ต้องแบ่งเฉลี่ย จนกระทั่งในสิ่งที่ชัดเจนที่สุดจึงจะมาแบ่งกระทรวงภายหลังว่าความจำเป็นเป็นอย่างไร และเรายืนยันไปแล้วว่าการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ สิ่งที่สำคัญคือนโยบายของพรรคที่จะต้องนำมาปรับนโยบายในส่วนอื่นๆ อะไรที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายของเราหรือไม่สามารถปรับได้ก็จะทำให้เกิดความร่วมมือกันยาก ฉะนั้น เรื่องทั้งหมดจะเกิดขึ้นหลังจากที่ได้นายกรัฐมนตรีเป็นที่ชัดเจน” นายภูมิธรรมกล่าว

Advertisement

เมื่อถามว่า ตอนนี้เหมือนพรรค พท.ถูกบีบทั้งจากพรรคที่จะมาร่วมรัฐบาลและ ส.ว.เรื่องคุณสมบัติของนายเศรษฐา นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้รู้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลของพรรค พท.ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะมีการบีบนั่นบีบนี่ ถึงที่สุดแล้วในฐานะที่เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่จะบริหารประเทศต้องหนักแน่นและมีวุฒิภาวะ มีความเป็นผู้นำ ไม่เช่นนั้นเราจะไม่สามารถนำพาประเทศและความแตกต่างของพรรคการเมืองต่างๆ ร่วมมือกันฝ่าวิกฤตประเทศไปได้ พรรค พท.ยินดีรับฟังความเห็นที่แตกต่างกัน แต่ถึงที่สุดแล้วการตัดสินใจอยู่ที่ความเป็นจริงทั้งการเมือง ประเทศไทย และประชาชน ฉะนั้น การที่จะร่วมมือกันอย่างไร จะแบ่งกระทรวงอย่างไร หรือจะกำหนดนโยบายร่วมกันอย่างไรนั้น ต้องมีการพูดคุยหารือกันทุกฝ่าย รวมถึงต้องเคารพพรรคการเมืองต่างๆ

เมื่อถามว่า หากสูตรการจัดตั้งรัฐบาลที่ไม่มีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และพรรคของ 2 ลุง ทำให้การโหวตนายกรัฐมนตรีจำเป็นต้องใช้เสียงของ ส.ว.มากถึง 100 กว่าเสียงขึ้นไป จะเป็นเรื่องยากหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรายังไม่คิดถึงบริบทนั้น วันนี้เราบอกว่าเราเอาปัญหาของประเทศชาติเป็นหลัก หากใครยินดีและเชื่อมั่นในพรรค พท.ก็ช่วยสนับสนุนพรรค พท.ในการจัดตั้งรัฐบาล ย้ำว่าเราต้องการทำการเมืองมิติใหม่ เอาประเทศชาติเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่ความต้องการของพรรคการเมืองหรือนักการเมืองเป็นตัวตั้ง อะไรก็ตามที่ถูกกำหนดร่วมกันก็ต้องมองเห็นปัญหาร่วมกันว่าเป็นปัญหาของประชาชนที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน

“หากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาลจะเห็นว่าอะไรคือปัญหาเร่งด่วนของประชาชน และเราจะทำอะไรในกรอบระยะเวลาเท่าไหร่ ทุกอย่างที่เราพูดเรายังยืนยันว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ได้นำเสนอต่อพี่น้องประชาชนไปแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามจะต้องถูกนำมาจัดการได้ภายในสี่ปีของพรรคเพื่อไทย” นายภูมิธรรมกล่าว

เมื่อถามว่า หากรอความชัดเจนเรื่องบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีก่อนจะนำอะไรมาเป็นการโน้มน้าวพรรคการเมืองให้เข้ามาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และมั่นใจหรือไม่ว่าจะสามารถตั้งรัฐบาลได้ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เราต้องเชื่อมั่นว่าวันนี้สถานการณ์ทางการเมือง ประชาชนและนักการเมืองได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ซึ่งทุกคนรู้ว่าปัญหาของประเทศที่เราเผชิญมาอย่างน้อย 9 ปีที่ผ่านมา รวมถึงสถานการณ์ภายนอกประเทศที่เกิดวิกฤตการณ์ต่างๆ มากมายเป็นปัญหาที่ไม่สามารถเอาเรื่องส่วนตัวมากำหนดได้ง่ายนัก ซึ่งต้องเอาปัญหาของประเทศเป็นหลัก หากประเทศรอด ทุกคนก็รอดหมด

นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ในสถานการณ์ขณะนี้ไม่ใช่ว่าจะมาร่วมรัฐบาลอย่างไร แต่ยินดีให้ พท.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ และยินดีให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พท.เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ โดยจะโหวตให้แล้วมาร่วมเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็ได้

เมื่อถามว่า สังคมจับตามองจากที่ไม่มีพรรค ก.ก.จะไปจับมือกับพรรคของสองลุง ความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่ใช่เวลาที่ต้องคุยกันตอนนี้ วันนี้อยากได้เสียงสนับสนุนให้เราเป็นนายกรัฐมนตรีก่อน หากตรงนี้ชัดเจนแล้วขั้นต่อไปเราก็จะเคลียร์ให้ชัดเจนขึ้น

เมื่อถามย้ำว่า ขณะนี้พรรค พท.มั่นใจหรือไม่ว่าจะจัดรัฐบาลได้สำเร็จ นายภูมิธรรมกล่าวว่า “ก็ต้องมั่นใจสิครับ ไม่มั่นใจเราจะดำเนินการมาถึงขั้นนี้เหรอครับ เราเชื่อว่าความตั้งใจ ประสบการณ์ ความสามารถของบุคลากรพรรคเพื่อไทยที่มีอยู่ และผลงานที่เคยทำมาแล้ว เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ประเทศที่กำลังวิกฤตอยู่ในขณะนี้ และความขัดแย้งที่สะสมมากว่า 20 ปี เราเชื่อว่าโดยจุดยืนของพรรคเพื่อไทยที่อยู่กับความเป็นจริง และใช้วิธีการแก้ปัญหาที่ละมุนละม่อม ประนีประนอม เราจะช่วยกันฝ่าวิกฤตครั้งนี้ และสลายความขัดแย้งไปให้ได้ และจะดีขึ้นเรื่อยๆ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image