สามารถ ชี้พรรคเก่า เพื่อไทย เหมือนถูกหลอก ทิ้งก้าวไกลมาโดดเดี่ยว จะย้อนกลับก็ลำบาก
เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ปัจจุบันสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ ถูกหลอก แสดงความคิดเห็นถึงสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลว่า
“หลังเลือกตั้ง ข้าวต้มมัดฝ่ายประชาธิปไตย 8 พรรค รวมเสียงกันได้ 312 เสียง ข้าวต้มมัดฝ่ายอำนาจเก่า 10 พรรค รวมเสียงกันได้ 188 เสียง สภาผู้แทนราษฎรมีจำนวน 500 เสียง กึ่งหนึ่งคือ 250 เสียง ดังนั้น ข้าวต้มมัดฝ่ายประชาธิปไตย มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร
แม้การเลือกนายกรัฐมนตรีต้องทำในที่ประชุมรัฐสภา ที่มี ส.ว. 250 คน (ปัจจุบัน ลาออกไป 1 คน คงเหลือ 249 คน) มีอำนาจในการเลือกนายกฯด้วย และนายกฯต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภาที่มีอยู่ คือ 375 เสียงก็ตาม
แต่ถ้าข้าวต้มมัดฝ่ายประชาธิปไตยมัดกันให้แน่น ไม่ได้เสียงจาก ส.ว. เพียงพอถึง 375 เสียง ก็ถือเป็นหลักอยู่ในสภาผู้แทนราษฏร ถึงแม้ข้าวต้มมัดฝ่ายอำนาจเก่าจะได้ ส.ว. สนับสนุน จนสามารถได้ตัวนายกรัฐมนตรีและตั้งรัฐบาลได้ก็ตาม ก็จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาผู้ราษฎรที่อายุสั้น บริหารไม่ได้ ต้องนำไปสู่การยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนเพื่อเลือกตั้งกันใหม่อย่างแน่นอน
แต่วันนี้ พรรคเพื่อไทยเหมือนถูกหลอกให้แยกตัวออกมาจากข้าวต้มมัดฝ่ายประชาธิปไตย กลายเป็นพรรคโดดเดี่ยวมีเพียง 141 เสียง อาจมีพรรคประชาชาติตามมาอีก 9 เสียง พรรคเพื่อไทยรวมพลัง 2 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง และพรรคพลังสังคมใหม่ 1 เสียง รวมทั้งหมดได้ 154 เสียง (แน่นอนว่าพรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง และพรรคเป็นธรรม 1 เสียง เขาไม่ตามมา คงอยู่กับพรรคก้าวไกล)
สิ่งที่คุณหมอชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เคยหลุดปากพูดไว้จะเป็นจริงดังว่า คือ ข้าวต้มมัดฝ่ายอำนาจเก่า เขามี 188 เสียง ถือเป็นเสียงข้างมาก ฝ่ายเพื่อไทยที่แยกกลุ่มออกจากมัดมีเพียง 154 เสียง เลยกลายเป็นเสียงข้างน้อย ลอยเท้งเต้ง
คิดจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลสูตรผสมใหม่ จะเอาอะไรไปต่อรองกับข้าวต้มมัดฝ่ายอำนาจเก่า ที่เขายังรวมตัวกันเหนียวแน่น แถมยังมีเสียง ส.ว. คอยสนับสนุนอยู่ด้วยในการเลือกตัวนายกรัฐมนตรี
วันนี้ พรรคเพื่อไทยเหมือนถูกโดดเดี่ยว ไม่เหลืออำนาจต่อรองอะไรมากมาย จะย้อนกลับไปหาพรรคก้าวไกลก็คงลำบาก เขาคงเจ็บปวดและจดจำในสิ่งที่เคยทำไว้กับเขา
หมากกระดานนี้ ไม่ทราบใครหลอกใครครับ”
