‘ณัฐชนน’ ลั่น อิหยังวะการเมืองไทย-ปลุกหวังช่วงหัวเลี้ยว ชวนเติมน้ำถมมหาสมุทร ชำระล้างของเก่า

ภาพจาก : สำนักข่าวราษฎร

‘ณัฐชนน’ ลั่น อิหยังวะการเมืองไทย-ปลุกกำลังใจช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ชวนเติมน้ำถมมหาสมุทร ชำระล้างระบอบเก่า

เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ที่บริเวณตลาดเชียงราก (ประตูเชียงราก 1) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดกิจกรรมชุมนุม “10 สิงหา ประชาชนต้องไป (ลุ้น) ต่อ”

บรรยากาศเวลา 17.30 น. มีการล้อมวงร่วมบอกเล่าประสบการณ์การชุมนุม เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 โดยผู้อยู่ในเหตุการณ์ ได้แก่ นายณัฐชนน ไพโรจน์ ในฐานะแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, นายเกียรติชัย ตั้งภรณ์พรรณ หรือบิ๊ก นักศึกษาและสมาชิกแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และ น.ส.อันนา อันนานนท์ หรืออันนา กลุ่มนักเรียนเลว ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง

ในตอนหนึ่ง นายณัฐชนน ตัวแทนแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้ร่วมกล่าวในประเด็น เหตุการณ์ที่เป็นฟางเส้นสุดท้ายจนเกิดการชุมนุม โดยกล่าวว่า การเคลื่อนไหวของภาคประชาชนมีมานานและต่อเนื่อง เป็นเรื่องที่มีโดยทั่วไป ซึ่งในช่วงปี พ.ศ.2557 มีการออกไปต่อต้านรัฐประหาร มีการโดนเข้าคุก พอมาถึงจุดหนึ่งที่จะได้มีการเลือกตั้ง ประชาชนก็ดูเริ่มมีความหวัง

ADVERTISMENT
ภาพจาก : สำนักข่าวราษฎร

“หลังเลือกตั้งเราก็มีความหวังว่าเราจะได้เป็นประชาธิปไตยกัน มันก็มีปัญหาก่อนการเลือกตั้งโดยตลอด ทั้งพรรคไทยรักษาชาติที่ถูกโดนยุบ กว่าจะได้รัฐบาลก็ใช้เวลานานพอสมควร พอเข้าปี พ.ศ.2563 ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อมีงานชุมนุม ก็มีแต่งานต่อต้านให้ได้เห็นอยู่ตลอด

พอถึงช่วงพรรคอนาคตใหม่โดนยุบพรรค คนก็รู้สึกว่า ขาดความหวังมากขึ้น วันที่มีการรวมตัวที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ไม่คิดว่าจะมีคนมาเยอะ แต่คนกลับมาเป็นปรากฏการณ์ครั้งใหญ่เกิดขึ้น เมื่อโควิด-19 เข้ามา ทุกอย่างเริ่มนิ่งลง ในช่วงมิถุนายน พ.ศ.2563 มีการจัดกิจกรรมครั้งแรกหลังโควิด คนมาชุมนุมก็ยกป้ายมาเอง สิ่งที่น่าสนใจ เขาเขียนเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันฯ ความต้องการที่คนออกมาชุมนุมจริงๆ คือต้องการเปลี่ยนรัฐบาล หรือต้องการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยขึ้น” นายณัฐชนนกล่าว

ADVERTISMENT

 

เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นจนถึงวันนี้ มองว่าประชาชนตื่นตัวมากน้อยแค่ไหน?

นายณัฐชนนกล่าวว่า สำหรับความรู้สึกของประชาชน ตนคิดว่าประชาชนกล้าที่จะพูดมากขึ้น ชัดเจนในการยื่นเสนอแก้ไขมาตรา 112 ในการรวบรวมรายชื่อซึ่งเป็นเรื่องที่ยากในตอนนั้น แต่ในปัจจุบัน ประชาชนกลับเห็นชอบมากขึ้นในตอนนี้

นายณัฐชนนยังฝากกำลังใจในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วยว่า ขอให้กำลังใจทุกคน ไม่ว่าจะไปอยู่ส่วนไหน คุณจะเคลื่อนไหวเป็นกองเชียร์ หรือเป็นนักการเมืองย่อมมีผลกระทบต่อคุณทั้งสิ้น

“ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ เชื่อว่าทุกคนก็ติดตามการเมืองไม่แพ้กัน การเมืองไทยมันอิหยังวะ การเลือกนายกฯ วันแรก เรากำลังไม่ได้พรรคอันดับหนึ่งมาเป็นรัฐบาลเพียงเพราะมีปัญหาเรื่อง 112 ทั้งที่ความเป็นจริง หากคุณเป็น ส.ส.เมื่อเข้าสภา คุณก็สามารถปัดตกได้ในการเป็นรัฐบาล

เรื่องทั้งหมดคุณโกหก ไม่ได้เป็นเพราะกฎหมายมาตรา 112 แต่เป็นเรื่องพวกเขาไม่ให้เป็น เหตุการณ์แบบนี้มันเหมือนจะเวียนๆ วนๆ อะไรที่ไม่เคยเห็นก็จะได้เห็น ก็สรุปได้ว่าทุกอย่างมันมีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน หยดน้ำมากตรงไหน ตรงนั้นก็มีน้ำมากขึ้น หยดน้ำน้อยตรงไหนตรงนั้นก็น้อย หากเราเติมทุกวันมันก็จะเยอะมากขึ้น จนวันหนึ่งจะกลายเป็นทะเล กลายเป็นมหาสมุทร กลายเป็นสึนามิ จนมันกลายเป็นการพังระบอบเก่า ล้างทุกอย่าง แล้วเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่เป็นระบอบของประชาชนอย่างที่เราใฝ่ฝันได้ เราต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ท้อและไม่ถอย” นายณัฐชนนกล่าว

อ่านข่าว : สภานศ.มธ. ตั้งเวทีตีแผ่-ฉายการต่อสู้ปี 63 เตือนใจสังคม ในวันที่ ‘ปชช.ต้องไป(ลุ้น)ต่อ’

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image