จุดเหมือน จุดต่าง บทแย้ง ภูมิธรรม เวชยชัย สถานะ ความจริง
ไม่ว่าการยึดกุม “ความจริง” ของ นายภูมิธรรม เวชยชัย ไม่ว่าการยึดกุม “ความจริง” ของ นายเศรษฐา ทวีสิน ล้วนเร้าเย้ายวนใจ
“ท้าทาย” ต่อการ “ทดสอบ”
ประหนึ่งว่า ความจริงอันเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจภายในพรรคเพื่อไทยจะปรากฏขึ้นในลักษณะ
อันเป็น “ตัวแทน”
ดำรงอยู่อย่างเป็น “หนึ่งเดียว” ไม่เป็นอื่น
เมื่อ นายภูมิธรรม เวชยชัย ค้นพบ เมื่อเข้ามาอยู่ในความยึดครองของ นายเศรษฐา ทวีสิน จึงเป็นหลักประกันมั่นคง
ต่อ “ชัยชนะ” ต่อ “ความสำเร็จ”
โดยพื้นฐานก็เข้าครอบครองจุดเหนือกว่าพรรคก้าวไกล ช่วงชิง “การนำ” มาเป็นของพรรคเพื่อไทย
คำถามอยู่ที่ว่า “ความจริง” มีเพียง “หนึ่งเดียว” หรือ
มองเข้าไปในพรรคพลังประชารัฐ เมื่อได้ยินเสียงจาก นายไผ่ ลิกค์ ก็สัมผัสได้ใน “ความจริง” อันงดงามไพจิตร
พร้อมเท 40 คะแนนเสียงให้
เป็นหลักประกันโดยพื้นฐานให้กับ นายเศรษฐา ทวีสิน หรือแม้จะเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก็ตาม
ยกมือให้โดยไม่มีข้อต่อรองไม่ต้องการ “ตำแหน่ง”
เมื่อประสานเข้ากับน้ำเสียงจากภายในพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าของ นายธนกร วังบุญคงชนะ ไม่ว่าของ นายอนุชา นาคาศัย
ที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นำความมา “แจ้ง”
นั่นเท่ากับว่า 36 เสียงของพรรครวมไทยสร้างชาติ จะร้องเพลงในทำนองเดียวกันกับ 40 เสียงของพรรคพลังประชารัฐ
เป็นเช่นนั้น จริงละหรือ
ในท่ามกลางความเคลิบเคลิ้มตกอยู่ในภวังค์ ไม่ว่าจะของ นายภูมิธรรม เวชยชัย ไม่ว่าจะของ นายเศรษฐา ทวีสิน
ก็เริ่มปรากฏ “ความจริง” ในอีกด้านขึ้น
เป็นเสียงจาก นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นเสียงจาก นายวราวุธ ศิลปอาชา
พรรคชาติไทยพัฒนา
ยืนยันการคงอยู่ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ยืนยันหลักการที่ว่า สมควรมีการตกลงในเรื่อง “ตำแหน่ง” ทางการเมืองก่อนมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
นี่ย่อมเป็น “ความจริง” อีกด้าน ต่างมุม
ต่างมุมไปจากความจริงของ นายไผ่ ลิกค์ ต่างด้านไปจากความจริงของ นายธนกร วังบุญคงชนะ
ยืนยันว่า “ความจริง” มีหลายด้าน มีหลายมุมมอง
ในโลกนี้ไม่ได้มีความจริงเพียง “หนึ่งเดียว” ตรงกันข้ามความจริงดำรงอยู่ในลักษณะแห่งการเปลี่ยนแปลง
เป็นไปตามกฎแห่ง “อนิจจัง”ไม่เที่ยง
เป็นไปตามแต่มุมมองและผลประโยชน์ในทางเศรษฐกิจในทางการเมือง แม้ว่าจะมาจากพรรคเดียวกัน
“พลวัต” คือวิถีดำเนินแห่ง “ความจริง”