สามารถ ชี้ พท.ข้ามขั้วแล้ว 154 เสียงยังสู้ 188 ไม่ได้ แถมเสียทั้งหลักการ-มวลชน และ ‘นายกฯ’
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงสถานการณ์การเมือง การจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำว่า
“สูตรผสมสลายขั้ว ข้อเท็จจริงก็คือ พรรคเพื่อไทย 141 เสียง+พรรคพันธมิตรเดิม 5 พรรค รวมกันได้ 154 เสียง ข้ามไปร่วมกับขั้วรัฐบาลเดิม 188 เสียง กำลังจะจัดรัฐบาล ด้วยการต่อรองตำแหน่งกัน ก่อนถึงกำหนดวันเลือกนายกรัฐมนตรี ถามว่าอำนาจต่อรอง ขั้วไหนจะสูงกว่ากัน (แม้ปากบอกสลายขั้ว ไม่มีขั้วแล้ว ใครจะเชื่อ) ในที่สุด พรรคข้ามขั้วจะเสียทั้งหลักการ เสียคน เสียมวลชน และกำลังจะเสียตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่พยายามไขว่คว้าไปอีก”
ต่อมาวันที่ 14 สิงหาคม นายสามารถ ยังได้วิเคราะห์อีกว่า “พท. จะเอาอะไรไปต่อรองกับขั้วที่ข้ามไปรวมกับเขา เพราะ พท.+พรรคพันธมิตร มี 154 เสียง ฝ่ายเขามี 188 เสียง และจะเอาเหตุผลอะไรไปอ้างขอรับการสนับสนุนจาก ส.ว. หลักการฉันทามติจากประชาชนก็ฉีกทิ้งไปแล้ว แถมสังคมยังวิจารณ์ทุกวัน
ทั้งนี้ มีผู้ใช้เฟซบุ๊กเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่า “มีความเป็นไปได้มั้ยครับ ที่การข้ามขั้วต้นทุนสูงครั้งนี้ เป็นยุทธ์ศาสตร์ควบรวมพรรคการเมืองของ 2 ลุง เพื่อเอาไว้ต่อกรกับก้าวไกลในเลือกตั้งครั้งหน้า เหมือนที่ไทยรักไทยเคยทำมาแล้ว จนแลนด์สไลด์ทั้งประเทศ”
ซึ่ง อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตอบกลับว่า “ยุบรวมแล้ว เลือกตั้งปี 2548 ไทยรักไทยได้ 377 เสียง เป็นรัฐบาลพรรคเดียว กลายเป็น จุดแข็ง เป็นจุดอ่อน อยู่ปีเดียวถูกยึดอำนาจ เหตุเพราะ องค์ประกอบของพรรคจะมีหลายกลุ่ม หลายก๊วน ไม่ได้หล่อหลอมร่วมต่อสู้มาจากอุดมการณ์เดียวกัน กลายเป็น buffet cabinet ทุจริต คอร์รัปชั่นมาก การตรวจสอบทำไม่ได้ จนเป็นจุดอ่อนดังที่เห็น
ครั้งนี้มีส่วนคล้ายกัน และจะหนักกว่าเดิม เพราะมีวิกฤตศรัทธาของ ปชช. มาเติมอีกด้วย น่าห่วงครับ“