นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ ขอดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีเสนอชื่อโหวตนายกรัฐมนตรีซ้ำได้หรือไม่ในวันที่ 16 สิงหาคม ก่อนนัดประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี วันที่18 สิงหาคม หรือ 22 สิงหาคม เมื่อถามว่า การเลือกนายกรัฐมนตรีรอบที่ 3 จะผ่านไปเรียบร้อยหรือไม่ ประธานรัฐสภาชี้ว่า อยู่ที่ฝ่ายการเมืองจะประสานงานกันอย่างไร สภามีหน้าที่เตรียมการจัดประชุมให้เรียบร้อย และทุกฝ่ายต้องพร้อม ทั้ง ส.ส.และ ส.ว.
พรรคเพื่อไทยได้รับหน้าที่แกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกล และเปลี่ยนสูตรรัฐบาล รวบรวมเสียงจากพรรคต่างๆ 315 เสียงเตรียมส่งชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตของพรรค เข้าโหวตในที่ประชุมรัฐสภา และชี้แจงว่า จำเป็นต้องรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เนื่องจาก 8 พรรคเดิมไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ การรอ 10 เดือนไม่ใช่ทางเลือกของพรรคเพื่อไทย เพราะเกรงว่าจะเสียหายไปมากกว่านี้ เมื่อไม่มีเสียงของก้าวไกล ก็ต้องรวบรวมเสียงของพรรคการเมืองที่มีอยู่ในสภาและ ส.ว. การมีรัฐบาลที่มีแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ดีกว่าการที่พรรคเพื่อไทยไปสนับสนุนคนอื่นเป็นนายกรัฐมนตรี
ผลการเลือกตั้งชี้ชัดว่า ประชาชนต้องการเห็นพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรี และจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคเพื่อไทย แต่พบอุปสรรคมากมาย ทำให้เสียงสนับสนุน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตพรรคก้าวไกล ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของรัฐสภา เมื่อจะลงมติอีกครั้งในวันที่19 กรกฎาคม มีผู้คัดค้านอ้างว่า ต้องห้ามตามข้อบังคับ 41 และมีผู้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญนัดมีคำสั่งในวันที่ 16 สิงหาคมนี้
เวลาล่วงเลยมาแล้ว 3 เดือน นับจากเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 ปัญหาใหญ่ของประเทศ คือการได้นายกฯและรัฐบาลใหม่ มาทำงานแก้ปัญหา ไม่เพียงเท่านั้น ปัญหาที่รอรัฐบาลใหม่ ยังได้แก่ การก้าวไปในโลกสมัยใหม่ การแข่งขันแบบใหม่ ที่ต้องใช้เทคโนโลยีซับซ้อนและมุมมองวิธีคิดที่สอดคล้องกับกระแสของโลก ทุกพลังทางการเมือง น่าจะพิจารณาถึงความจำเป็นนี้ และช่วยกันทำให้ระบบการเมืองไทย ตอบโจทย์ปัญหาของประเทศในขณะนี้ได้