‘เท่าพิภพ’ ให้กำลังใจ ส.ส. ‘พท.’ ลงพื้นที่ลำบาก พิษตั้งรบ.ข้ามขั้ว ไล่ ‘ราเมศ’ เลือกหัวหน้าปชป.ให้ได้ก่อนแขวะ ‘ปดิพัทธ์’ โพสต์รูปเบียร์
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่อาคารไทยซัมมิท ทาวเวอร์ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณี นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภา คนที่ 1 โพสต์รูปภาพกระป๋องคราฟต์เบียร์ ตัวแรกของ จ.พิษณุโลก ว่าได้เห็นข้อเท็จจริงว่าด้วยเรื่องกฎหมาย ไม่มั่นใจว่าใครจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน เพราะจุดยืนของตนและพรรค ก.ก.ในประเด็นนี้ชัดเจนมาโดยตลอดว่าสนับสนุนการแก้กฎหมายการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตามมาตรา 32 ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
“ผมเคยคุยกับคนที่ออกกฎหมายนี้ เป็นคนที่ยกร่างนี้มา เขาบอกว่าไม่มีเจตนาจะจับประชาชนอยู่แล้ว คนธรรมดาส่วนใหญ่เขาจะจับคนที่เปิดร้านค้า ผับต่างๆ รวมถึงผู้ผลิต เพราะชัดเจนเลยว่าโทษใครเป็นผู้ผลิตด้วยที่จะต้องจ่ายแพงกว่า 10 เท่า เป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท ไม่เห็นด้วยอยู่แล้วกับมาตรานี้ที่บังคับใช้กับประชาชนมาอย่างยาวนานมาก” นายเท่าพิภพกล่าว
นายเท่าพิภพกล่าวอีกว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมามีคนมาถามเยอะมากว่าสามารถโพสต์ภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้หรือไม่ มองว่ามาตรานี้มีปัญหาในการบังคับใช้โดยหลักการอยู่แล้ว และไม่ควรใช้กับบุคคลทั่วไป ที่ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ว่าเขาได้รับเงินค่าโฆษณาก็ไม่ควรมาจับเขา
เมื่อถามว่ากรณีที่ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกมาตีความกฎหมายว่ามีความผิด นายเท่าพิภพกล่าวว่า ไม่ก้าวล่วงเจ้าหน้าที่ ยืนยันว่ากฎหมายนี้ไม่ควรใช้กับบุคคลธรรมดา สุดท้ายเหมือนกับการขับรถผ่าไฟแดงเป็นกฎหมาย แทคติคทั่วไปเข้าไปเปรียบเทียบปรับก็ไม่มีอะไร
“ผมว่าไม่ใช่ประเด็นใหญ่ คุณราเมศควรไปตั้งใจกับการเลือกหัวหน้าพรรค ได้ข่าวว่าหนักเลย ก็เป็นห่วงจริงๆ สุขภาพของอดีตประธานชวน ที่ผมเคารพว่าจะเป็นอย่างไร เห็นแบ่งเป็นหลายก๊ก ก็อยากให้คุณราเมศไปโฟกัสที่พรรคตัวเองมากกว่าเรื่องคนอื่น” นายเท่าพิภพกล่าว
เมื่อถามว่า กรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้ไปยื่นให้ถอดถอนนายปดิพัทธ์แล้วนั้น นายเท่าพิภพกล่าวว่า ตนต้องตอบว่าอย่างไร เขาก็ร้องไปทุกเรื่องหรือไม่ วันหลังนายศรีสุวรรณมาอยู่แยกเพชรบุรี มาดู ส.ส., ก.ก.ขับผ่าไฟแดงหรือเลยเส้นแล้วไปร้องก็ได้ แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไร เป็นแค่กฎหมายแทคติคเฉยๆ ที่มีการเปรียบเทียบปรับ โดยสำนักงานควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ทำมาหลายรูปแบบ ไม่ได้ขึ้นโรงขึ้นศาลกันเป็นส่วนใหญ่ และจากที่ทำงานมาตนก็เคยดูแลหลายคดีที่ถูกกฎหมายรังแก
เมื่อถามถึงการรับฟังความเห็นจากประชาชนในการลงพื้นที่กรณีการโหวตนายกรัฐมนตรีให้พรรคเพื่อไทย (พท.) หรือไม่ นายเท่าพิภพกล่าวว่า คิดว่าบรรยากาศในการลงพื้นที่ขณะนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะไม่ได้เป็นไปในแนวทางบวกเหมือนหลังการเลือกตั้ง เพราะประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยในการที่พรรค ก.ก.จะโหวตให้กับแคนดิเดตนายกฯจากพรรค พท. พร้อมยอมรับว่าตนเองเสียน้ำตาบ่อย เพราะตนและพรรคทำให้ประชาชนผิดหวัง ซึ่งก็ทำได้แค่เพียงให้กำลังใจ ส.ส.ของพรรคคนอื่นๆ ที่เจอสถานการณ์เดียวกัน แต่ก็อาจจะเป็นแบบที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. ที่เคยระบุไว้ว่า “อาจจะไม่ได้เป็นฝ่ายค้าน” ก็ได้ ขอให้กำลังใจ ส.ส.เขตพรรคพ ท.ด้วย ก็เข้าใจว่าในระบบพรรคการเมืองผู้บริหารพรรคคงจะไม่ได้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนมากเท่า ส.ส.เขต จึงอยากให้ ส.ส.เขตสะท้อนเสียงที่ได้รับฟังจากประชาชนขึ้นไปให้ผู้บริหารของพรรคได้รับทราบ ซึ่งก็ไม่ได้มีคนตำหนิ หรือติเตียนอะไรที่พรรค ก.ก.ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ส่วนใหญ่มีแต่คนมาให้กำลังใจ
เมื่อถามว่า ในการประชุมที่ประเทศอินโดนีเซีย ได้มีการพูดคุยกับผู้นำคนอื่นๆ ในการประชุมหรือไม่ และมีเสียงสะท้อนอย่างไรบ้าง นายเท่าพิภพกล่าวว่า จากการที่ได้พูดคุยกับรองประธานสภาจากประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศมาเลเซีย ทั้งสองคนก็ได้สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ซึ่งตนก็ได้แค่เพียงอธิบายถึงระบบที่บิดเบี้ยวของประเทศไทย ว่าสุดท้ายแล้วปัญหาจะค่อยๆ ถูกแก้ไปเอง ซึ่งก็หวังว่าคงจะมีรัฐบาลโดยเร็ว เพื่อที่จะได้เร่งแก้ไขปัญหา ทั้งสองประเทศนี้เขาจะมีการจับขั้วและตกลงกันก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ไม่ใช่มาจับกันมั่วภายหลังการเลือกตั้ง เราจึงได้เรียนรู้ว่าประเทศไทยได้สูญเสียสิ่งที่เราเคยได้เป็นตัวอย่างการเป็นประชาธิปไตยให้กับประเทศอื่น ซึ่งในการประชุมครั้งหน้า ไม่อยากจะตอบคำถามลักษณะเดียวกันนี้อีก
“ขอให้เอาพอประมาณนะผู้มีอำนาจ อย่าให้สูญเสียหลักการจนเราอยู่ไม่ได้” นายเท่าพิภพกล่าว