ไม่ว่าจะพูดในฐานะ “ผบ.ทบ.” ไม่ว่าจะพูดในฐานะเลขาธิการแห่ง “คสช.”
การพูดของ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท
ทั้ง “สำคัญ” และ “ทรงความหมาย” เป็นอย่างสูง โดยเฉพาะในทาง “การเมือง”
มี “หลักการ”
เป็นหลักการที่ไม่เพียงแต่จะเข้าใจใน “โรดแมป” หากยังเข้าใจใน “ภาระหน้าที่”
1 ยืนยันในแนวเดียวกับ “ผู้บังคับบัญชา”
ไม่ว่าจะมองไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะมองไปยัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
นั่นก็คือ การเลือกตั้งจะต้องมีในปี 2560
ขณะเดียวกัน 1 เปิดหัวใจอย่างกว้างขวาง ยอมรับต่อผลของ “การเลือกตั้ง” อย่างเต็มเปี่ยม
ตรงนี้แหละที่ “สำคัญ”
ต้องยอมรับว่า “กระแส” อันเปรี้ยงปร้างขึ้นในห้วงก่อน “รัฐประหาร” เป็นกระแสโจมตี “นักการเมือง”
ไม่ว่าก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549
ไม่ว่าก่อนรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557
พรรคการเมืองบางพรรค “ไหล” ไปตาม “กระแส” นี้และหันทวนมาสวนแทง “นักการเมือง” ด้วยกัน
คำว่า “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ที่เสนอ
ความหมายก็คือ ปฏิรูป 1 พรรคการเมือง ปฏิรูป 1 นักการเมือง
แต่ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ยืนยัน
“การเมืองไม่ใช่เรื่องเสียหาย ถ้าการเมืองไม่ดีบ้านเมืองคงไม่เจริญมาถึงทุกวันนี้ แต่ในภาพรวมอาจมีเล็กๆน้อยๆของบุคคลแต่ไม่ใช่ระบบการเมือง”
ชัดเจน แจ่มแจ้ง
ตรงนี้เองที่นำไปสู่การสรุปอันถือว่าเป็น “ไมล์สโตน” หรือ “หมุดหมาย” ที่สำคัญ
จาก ผบ.ทบ.และเลขาธิการคสช.
“แม้ว่าผลการเลือกตั้งในปี 2560 จะได้พรรคการเมืองเดิมเข้ามาเป็นรัฐบาล ในเมื่อเลือกตั้งแล้วก็คือเลือกตั้งทุกฝ่ายต้องยอมรับกติกา
“ทหารจะไม่คว่ำเลือกตั้ง”
เวลากว่า 1 ทศวรรษแห่งการตกอยู่ในวังวนแห่ง “รัฐประหาร” จึงไม่เสียเปล่า
อย่างน้อยก็ได้ “ผบ.ทบ.” ที่ออกมา “ยืนยัน”
ยืนยันในบทบาทที่สร้างสรรค์ของ”การเมือง” ยืนยันในความหมายของ “นักการเมือง”
ยอมรับ “การเลือกตั้ง” ยอมรับ “ผล” การเลือกตั้ง
ความเชื่อมั่นจึงไม่เพียงแต่มีต่อ “ผบ.ทบ.” หากที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ มีต่อ “การเมือง”